OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

รู้จักไม้ ก่อนใช้ไม้ในบ้านของคุณ # 2 : ไม้ต่างประเทศ

ครั้งก่อนเราได้พูดถึงเรื่องของไม้ในประเทศไปแล้ว (ดูย้อนหลังได้ที่ >>> รู้จักไม้ ก่อนใช้ไม้ในบ้านของคุณ # 1 : ไม้ในประเทศ) ครั้งนี้มาดูเรื่องไม้ต่างประเทศกันบ้าง ก่อนจะนำไปใช้งานจริงครับ

IMG_9774

ไม้ต่างประเทศ
ไม้ต่างประเทศส่วนใหญ่นั้นจะเป็นไม้เนื้ออ่อน ซึ่งจะนิยมนำมาใช้เป็นไม้สำหรับงานตกแต่งเพื่อความสวยงาม ถ้าเป็นไม้สำหรับงานโครงสร้าง นิยมใช้ไม้สน เนื่องจากเป็นไม้โตไว และมีมาก ซึ่งปัจจุบันนี้มีกรรมวิธีพัฒนาคุณสมบัติของไม้เพื่อให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นเพื่อนำมาใช้งานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ไม้เนื้อแข็ง

ถึงจะเรียกว่าไม้เนื้อแข็ง แต่ไม้เนื้อแข็งของไม้ต่างประเทศนั้น ก็มีความแข็งแรงทนทานสู้ไม้ในประเทศของบ้านเราไม่ได้ เนื่องจาก ภูมิอากาศ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้
1. ไม้โอ๊ค (Oak)

ไม้ตระกูลโอ๊คนั้นจัดเป็นไม้เนื้อแข็ง และไม้อุตสาหกรรม ด้วยปริมาณที่มีอยู่มากมายทำให้มีระดับราคาที่ค่อนข้างคงที่ ต่างจากไม้ในประเทศบ้านเรา ที่ระดับราคาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่ปริมาณและความหายากของไม้แต่ละชนิด  ไม้โอ๊คเป็นไม้ที่มาจากทางฝั่งยุโรป อมเริกา จีน รัซเซีย ญี่ปุ่น แต่ไม้โอ๊คที่มีคุณภาพจริงๆ จะมาจากจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากอากาศเย็นทำให้เติบโตช้า เนื้อไม้จึงมีความละเอียดมากกว่าทางฝั่งอเมริกา เพราะไม้โอ๊คส่วนใหญ่ในอเมริกาเป็นป่าปลูกที่ตัดจากป่าธรรมชาติ ซึ่งมีการปลูกทดแทนอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ยังคงความสวยงามของลายไม้อยู่
สมัยนี้เราสามารถหาไม้ต่างประเทศในบ้านเราได้เป็นปกติ และเริ่มเป็นที่นิยมที่จะนำมาใช้ออกแบบมากขึ้นอีกด้วย ตามกระแสและแนวทางในการออกแบบจากทางฝั่งอเมริกา โดยที่จะแบ่งประเภทของไม้โอ๊คออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกันคือ

F70NNJEH7431OKE.LARGE Oak-White

1.1 ไม้โอ๊คแดง(Red Oak)

ไม้โอ๊คแดงปลูกมากทางฝั่งตะวันออกของอเมริกา เนื้อไม้ออกสีน้ำตาลเข้มอมแดง มีเสี้ยนที่ลึกเห็นเด่นชัด สัมผัสไม้หยาบให้ความรู้สึก แน่น รก และ หนัก ตามสไตล์บ้านฝรั่งที่เน้นการตกแต่งบ้านด้วยไม้ขนาดใหญ่ โทนสีเข้ม ให้ความรู้สึกหนักและทึบตัน นิยมนำมาใช้ทำพื้น และเฟอนิเจอร์ไม้ ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเราซักเท่าไหร่ เนื่องจากสไตล์การตกแต่งบ้านแบบไทยเราเองหรือว่าสไตล์ที่กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเราตอนนี้ จะเน้นที่รูปแบบ เรียบง่าย โปร่ง เบาสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบและความรู้สึกที่ได้จากไม้โอ็คแดงอย่างเห็นได้ชัด

red-oak-hardwood OLYMPUS DIGITAL CAMERA

1.2 ไม้โอ๊คขาว(White Oak)

ไม้โอ๊คขาวพบเห็นมากทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาเช่นเดียวกัน เนื้อไม้ออกสีขาวอมเหลือง มีเสี้ยนถี่ละเอียด ผิวไม้เรียบกว่าไม้โอ็คแดง ด้วยการที่ไม้โอ็คขาวนั้นมีสีที่ขาวอ่อน สว่าง และผิวเรียบ จึงทำให้เป็นที่นิยมในหมู่นักออกแบบในบ้านเราที่จะเลือกไม้ชนิดนี้มาใช้ในงานกันมาก และแนวทางการแต่งบ้านสมัยนี้ก็นิยมชมชอบ สไตล์เรียบโมเดิร์น ที่ให้ความสัมผัส เรียบ และเบาสบายได้ดี

Oak_White_3 wood-floor-spacia-white-oak-in-a-bathroom

2. ไม้บีช (Beech)

เป็นไม้มาจากทางฝั่งยุโรป สีน้ำตาลออกขาวอมเหลือง หรืออมส้ม เป็นผลจากการนำไปผ่านกระบวนการ Steam ไม้ เพื่อลดการโก่งตัวหรือบิดตัวของไม้ ทำให้ไม้มีสีออกส้มมากขึ้น ปกติจะทำการ Steam ประมาณ 24 ชั่วโมง แต่ถ้าไม่ต้องการสีที่ไม่ต้องการสีออกส้มมากก็จะ ใช้เวลาเพียง ครึ่งหนึ่ง คือ 12 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยเนื้อไม้ของไม้บีชมีความละเอียดมาก ลายไม่เยอะ จึงนิยมนำมาทำพื้น และเฟอร์นิเจอร์ สีไม้บีชที่ค่อนข้างจะออกเป็นสีของเนื้อไม้น้ำตาลอมส้มกลางๆ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติของไม้ได้มาก แต่บ้านเราจะนิยมใช้ไม้โอ๊คมากกว่า

beech_2 Beech-Wood-Kitchen-Roll-Holder

3. ไม้เชอรี่ (Cherry)

เป็นไม้เนื้อแข็ง เนื้อไม้ออกสีน้ำตาลเหลืองหรือออกไปทางน้ำตาลแดง มีลักษณะคล้ายไม้มะค่า และไม้สัก ทำให้สามารถใช้แทนกันได้ เนื้อไม้มีลักษณะเรียบเท่ากันตลอด ทำให้ทำงานง่ายและสวยงาม เหมาะกับการนำไปใช้ในงานตกแต่ง นิยมนำมาปูพื้น และทำเฟอร์นิเจอร์ แต่มีราคาแพงมากกว่าโอ๊คประมาณ 3 เท่า ซึ่งในบ้านเราไม่ค่อยมีและไม่นิยมใช้ ด้วยราคาที่แพงมาก

Cherry-wood-furniture

4. ไม้วอลนัท (Walnut)

เนื้อไม้มีสีน้ำตาลเข้ม มีราคาแพงมากพอๆ กับไม้เชอรี่ และไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นกระดาษสังเคราะห์ที่ทำเลียนแบบผิวลายไม้มา ใช้สำหรับปิดผิวไม้ชนิดอื่นๆ

IPE Brazilian Walnut Hardwood Flooringxl3

5. ไม้เมเปิ้ล (Maple)

เนื้อไม้มีสีขาวครีม ถึงน้ำตาลอมเหลืองหรืออมแดง ลายไม้และตาค่อนข้างเยอะ แต่ในตลาดที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นไม้ที่ผ่านการคัดมาแล้ว เกรดที่แบ่งก็จะแบ่งได้จากสี ยิ่งขาวมากเกรดก็จะสูงมาก นิยมใช้ทำงานตกแต่งภายใน เหมาะที่จะทำพื้นเพราะจะทำให้บ้านดูสว่างและหรูหรา และราคานั้นจะแพงกว่าไม้โอ๊คประมาณสองเท่า แต่ในบ้านเราไม่เหมาะที่จะใช้ไม่ชนิดนี้ เพราะด้วยสีของไม้ที่อ่อนและอากาศบ้านเราที่ชื้นมาก อาจจะทำให้เมื่อใช้ไปนานๆ แล้วอาจเกิดเป็นราหรือลายดำที่เนื้อไม้ได้

cm5

6. ไม้แอช (Ash)

ลักษณะเนื้อมีสีเหลืองอ่อนจนเกือบขาว อารมณ์ที่ได้จากไม้ จะคล้ายไม้โอ๊ค แต่ลายไม้แอชจะเลอะกว่า และแข็งแรงทนทานน้อยกว่า ด้วยคุณสมบัติที่ด้อยกว่าแต่มีลักษณะที่คล้ายกันก็พอที่จะใช้แทนกันได้บ้าง เพราะมีราคาที่ถูกกว่าด้วยเช่นกัน นิยมที่จะนำไปใช้ทำ เฟอร์นิเจอร์และงานตกแต่งภายใน เพราะมีความสวยงามและราคาไม่แพงมาก

ash
7. ไม้เวงเก้ (Wenge)

ผิวเนื้อไม้มีลักษณะสีน้ำตาลเข้มมากจนถึงดำ สีเนื้อไม้เกิดจากธรรมชาติของไม้เอง ไม่ใช่จากการทำสีหรือผ่านการอบแต่อย่างใด ไม้เวงเก้เป็นไม้จากทางแอฟริกา ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำมาทำเป็นส่วนโครงสร้างหรือไม้จริงขนาดใหญ่ จะเน้นใช้เป็นส่วนประกอบหรือส่วนตกแต่งลวดลายต่างๆ ควบคู่กับไม้ชนิดอื่น หรือใช้เป็นผิววีเนีย์เท่านั้น เนื่องจากราคาที่แพงมาก และด้วยสีไม้เองเป็นไม้สีเข้มจึงนิยมนำมาใช้เป็นส่วนตกแต่งภายในบ้าน ช่วยให้บ้านดูหรูหรา เรียบ เท่ ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรใช้ไม้สีดำหรือทึมไปทั้งหมด เพราะจะทำให้บ้านดูทึบ มืดจนเกินไป

Wenge wenge-openคราวหน้าเรามาดูว่าหลักการในการใช้ไม้ในบ้าน จะมีอะไรที่ควรคำนึงถึงบ้างครับ

แนะนำติชมได้ที่ dsignsomething@gmail.com หรือ https://www.facebook.com/DsignSomething ได้เลยครับ 🙂