OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

“Ventilation คืออะไร และสำคัญอย่างไรในงานสถาปัตยกรรม?” Q&A with Eco Architect

Q&A ครั้งนี้ กลับมาอีกครั้งกับคำที่เราอาจได้ยินกันบ่อย คือคำว่า Ventilation (เวนติเลชั่น) จริงๆแล้วมันคืออะไร สำคัญอย่างไรกับการออกแบบบ้านหรืออาคาร ครั้งนี้เราได้พูดคุยกับสถาปนิกที่มากประสบการณ์ด้านการออกแบบโดยใช้ธรรมชาติมาช่วยให้บ้านเย็นและอยู่สบายกัน นั่นก็คือ พี่แก้ว – คำรน สุทธิ แห่ง Eco Architect กันครับ

…………………………………………………………………………………………..

Lek Lake Resortด

Ventilation ในภาษาสถาปัตยกรรม แปลว่า “การระบายอากาศ” หรือ “การถ่ายเทอากาศเพื่อทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้น” หรือพูดแบบชาวบ้านว่า “การทำให้บ้านโปร่ง โล่ง และมีลมโกรก ห้องจะได้เย็นสบาย ไม่อับชื้น”

โดยทั่วไปการระบายอากาศ (Venttilation) ทำได้ สองแนวทาง คือ

a-hill-side-house-2015.10.15

การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ (Natural Ventilation) หรือสถาปนิกทั่วไปจะเข้าใจดีว่าเป็นแนวทางหนึ่งของ Passive Cooling และอีกแนวทางก็จะเป็น การระบายอากาศโดยพึ่งพาเครื่องจักรกล (Mechanical Ventilation) หรือที่เข้าใจกันว่าเป็น Active Cooling ในที่นี้จะขอเน้นไปที่การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ ที่เป็นแนวทางของ Passive Cooling นะครับ ซึ่งเป็นแนวทางที่ออฟฟิศเราใช้มาตลอดและค่อนข้างใช้ได้ผลดี คือ ช่วยให้ห้องเย็นสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศและไม่สิ้นเปลืองพลังงาน

a-hill-side-house3-2015.10.15 a-hill-side-house4-2015.10.15
การระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติ (Natural Ventilation) สำคัญและจำเป็นมากๆ ในการออกแบบบ้านที่อยู่ในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา เพราะอากาศที่มีความชื้นมากๆ ก็จะเก็บความร้อนได้มาก ทำให้เรารู้สึกร้อนและเหนียวตัว ฉะนั้นในการออกแบบบ้าน เราต้องหาวิธีที่จะระบายความชื้นและความร้อนออกจากตัวอาคารให้ได้ โดยการศึกษาดูว่าลมประจำในรอบหนึ่งปีมากจากทางไหนบ้าง เมื่อเรียนรู้และเข้าใจการเคลื่อนตัวและทิศทางของลม แล้วก็ต้องหาวิธีการหรือเทคนิคในการทำให้ลมไหลเข้า และไหลออก เพื่อให้เกิดการระบายอากาศให้ได้ ซึ่งเทคนิคที่ใช้มีอยู่หลายวิธี แต่ขอยกตัวอย่างมาสักสองวิธีการด้วยกัน คือ

Mancave3-2015.08.09Mancave2-2015.08.09

1. Cross Ventilation คือ การระบายอากาศโดยให้ลมเดินทางเข้าผ่านพื้นที่ห้อง และช่วยพาความร้อนและความชื้นเดินทางออกไปนอกห้องในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยการเปิดหน้าต่างหรือช่องรับลมเพื่อให้ลมเข้าและให้มีช่องลมออกในทิศทางที่เหมาะสม ขนาดและตำแหน่งช่องลมเข้าและลมออกจึงมีความสำคัญมาก ถ้าอยู่ในตำแหน่งและขนาดไม่เหมาะสม ลมก็ไม่เข้าและไม่สามารถระบายอากาศได้

building-with-Ventilation
2. Stack Ventilation เป็นการระบายอากาศโดยให้มวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นที่สูง และระบายออกในส่วนบนของอาคาร ตามหลักการที่ว่า “อากาศร้อนจะลอยขึ้นที่สูงเสมอ” เมื่ออากาศร้อนลอยตัวขึ้นที่สูงจะทำให้กระแสมวลของอากาศเย็นไหลเข้ามาแทนที่ ทำให้เกิดเคลื่อนตัวของอากาศโดยอัตโนมัติ วิธีนี้เหมาะกับอาคารที่มีจำนวนชั้นมากๆ หรือเป็นหลังคาทรงสูง และมีช่องระบายอากาศอยู่ในส่วนบนของอาคาร

DSC_4705

 

…………………………………..

ขอบคุณ คุณแก้ว – คำรน สุทธิ จาก Eco Architect 

ครั้งหน้าจะเป็นนักออกแบบคนไหน ที่จะมาตอบคำถามเกี่ยวกับการออกแบบอีก ติดตามกันต่อไปนะครับ