คาเฟ่ขนมหวานที่ต่อยอดความถนัดของตัวเอง เปลี่ยนผลึกน้ำตาลให้กลายเป็นแนวคิดการตกแต่งภายในร้านและเมนูรสหวาน ที่ให้รสชาติมากกว่าแค่ความอร่อย

Shugaa room for dessert
Architect : party / space / design
Location : The residence 61 เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
Story / Photos : Dsign Something
ร้านอาหารและของหวานแบบฟิวชั่นที่เน้นรสสัมผัสจากแดนอาทิตย์อุทัย ตั้งอยู่ในอาคาร The residence กลางซอยสุขุมวิท 61 ทำเลเงียบสงบระหว่างย่านทองหล่อและเอกมัย เลือกใช้วัตถุดิบก้อนน้ำตาลมาพัฒนากับคอนเซ็ปต์ออกแบบภายในและเมนูของหวาน ให้ความใส่ใจกับเรื่องดีไซน์ตั้งแต่การออกแบบร้านไปจนถึงจานขนมหวาน
ดีไซน์ตกผลึก
ร้าน Shugaa เริ่มต้นขึ้นจากหุ้นส่วน 2 คน คือ คุณโบ๊ท วชิรวิชญ์ เชฟขนมหวานและอีกคนมีธุรกิจโรงงานผลิตน้ำตาล ลิน (Lin Sugar) ทั้งคู่อยากจะต่อยอดความสามารถที่ตัวเองมี โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำตาลที่มีอยู่ให้กลายเป็นขนมเบเกอรี่ด้วยฝีมือชองเชฟผู้ชำนาญ เกิดเป็นร้านเฉพาะทางด้านของหวานในนาม “Shugaa (ชูก้า)” คำพ้องเสียงที่ดัดแปลงจากคำว่า Sugar ในภาษาอังกฤษที่หมายถึงน้ำตาล ให้เกิดเป็นตัวสะกดใหม่ที่ดูสะดุดตาและเฉพาะตัวมากขึ้น
ต่อเนื่องไปถึงแนวคิดการตกแต่ง ที่ได้ทีมดีไซน์จาก party / space / design เข้ามารับหน้าที่ตีโจทย์การออกแบบร้านขนมหวานนี้ ทีมนักออกแบบจึงใช้เส้นสาย รูปทรง ของผลึกน้ำตาล ที่มีความเป็นมุมเป็นเหลี่ยม มาใช้ภายในร้าน แฝงอยู่ในเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายในร้าน เช่น ผนังที่ติดโลโก้ชื่อร้าน ก็ติดตั้งผนังเบาดูเป็นเหลี่ยมมุมทับลงไปที่ผนังปูนเดิม ก่อนจะมาเก็บงานรอยต่อมุมต่างๆให้เรียบเนียนก่อนจะทาสีทับลงไป
Logo ของร้านเลือกใช้รูปนกฮัมมิงเบิร์ด เพราะเป็นนกตัวเล็กที่ชอบทานน้ำหวาน นำเอาออกแบบดัดแปลงเสียใหม่ด้วยเส้นสายที่เป็นเหลี่ยมมุมเช่นกัน
เลือกใช้สีโทนพาสเทลเพื่อให้ดูนุ่มนวล ผ่อนคลายเหมาะกับบรรยากาศร้านขนมหวาน
เพราะเป็นย่านที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ จึงเลือกไม้สีโทนอ่อนที่ให้บรรยากาศความอบอุ่นแบบ Modern Japanese Style มาใช้ในร้าน
บันไดวนด้านหน้าที่ถือเป็น landmark สะดุดตาของร้าน เลือกใช้แผ่นอะครีลิกใส มาประกอบเข้ากับโครงสร้างแม่บันได ทำหน้าที่เป็นผนังกันตก ที่เลียนแบบลักษณะผลึกใสแวววาวมาจากก้อนน้ำตาลนั้นเอง
รายละเอียดรูปปั้นของประดับส่วนใหญ่ในร้านจะถูกนำมาดัดแปลงให้เกิดฟอร์มที่ดูเป็นเหลี่ยมมุม
วัสดุโลหะทองแดงถูกนำมาใช้ทำโคมไฟของร้าน เป็นชิ้นงานสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อเบรคโทนสีไม่ให้ร้านดูหวานแบบผู้หญิงจนเกินไป เพิ่มไอเท็มที่ดูเหมาะกับผู้ชายลงไปบ้างในรูปฟอร์มสี่เหลี่ยมเรียบง่าย
เปลี่ยนน้ำตาลเป็นความสนุก
เมื่อเราเดินผ่านบันไดวนขึ้นไปที่ชั้น 2 ของร้าน ก็จะเจอพื้นที่โซนนั่งเล่นที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าด้านล่าง และเป็นโซนที่สร้างไว้สำหรับรองรับการจัด Workshop Fondant (ฟองดองท์) หรือการทำเค้กน้ำตาลปั้นแบบ DIY โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ สร้างความสนุกจากขั้นตอนการทำของหวาน เมื่อทำเสร็จแล้วก็สามารถยกกลับไปทานต่อที่บ้านได้
หรืออยากจะสั่งออร์เดอร์เค้กที่อยากได้ทางร้านก็มีทีมงานดีไซน์คอยให้บริการ พร้อมบรรจุใส่ในโดมแก้วเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์ให้เจ้าของงาน ที่สำคัญคลาส Workshop ทำขนมหวานนี้เปิดทำการทุกวันในช่วงเวลาเปิดร้าน 11.00 – 18.30 น.
ผลิตภัณฑ์จากความหวาน
มาถึงเรื่องของอาหารของที่นี่ เริ่มจากเครื่องดื่ม จะเป็นเมนูที่ร้านคิดขึ้นมาใหม่เองทั้งหมด โดยจะผสมผสานส่วนประกอบของขนมเค้ก ลงไปในเครื่องดื่มด้วย เพื่อให้ได้รสสัมผัสจากการเคี้ยว ให้เป็นเมนูพิเศษกว่าที่คุณเคยทาน
S.W. A.G
เครื่องดื่ม Signature ของทางร้าน ประกอบด้วยแบล็คเบอร์รี่ โยเกิร์ต เลมอน นม ครีมชีสและครัมเบิ้ลโรยด้านบน เมนูน้ำปั่นให้ความสดชื่นอมเปรี้ยวนิดๆ
ส่วนเมนูขนมเมนูต่างๆ ได้เชฟขนมหวานที่สั่งสมประสบการณ์ในครัวจนเชี่ยวชาญจาก Le Cordon Bleu วิทยาลัยดุสิตธานี มาทดลองคิดค้นสูตรขนมเมนูใหม่ ผสมผสานเบเกอรี่สไตล์เอเชี่ยนลูกผสมที่น่าจะถูกปากของไทยบนกลิ่นไอรูปแบบจากญี่ปุ่น เสิร์ฟแบบจานต่อจานทั้งเมนูของคาวและของหวาน
Crump B’
เมนูขนมรูปเห็ดสีชมพู ฐานเค้กเป็นเอิร์ลเกรย์ ครัมเบิ้ลกรุบกรอบ เนื้อขนมเป็นสปันจ์เค้กวนิลาฟูนุ่มโปะทับมูสเนื้อละมุน ใส้ในเป็นแอปเปิ้ลคาราเมลไลซ์ให้ตักชิมความกรุบกรับจากเนื้อผลไม้
J’Stellar
J’Stellar เป็นขนมที่ใช้ช็อกโกแลตเป็นองค์ประกอบอยู่ในทุกชิ้นส่วน เคลือบดาร์คช็อกโกแลตที่ผิวนอก เสียบประดับด้วยแผ่นช็อกโกแลตผิวหยาบ แต่งผงกากเพชรโทนสีน้ำเงินเพิ่มความมันวาว
ความจริงแล้วจุดเริ่มไอเดียการออกแบบก็เกิดขึ้นได้จากของง่ายๆ ใกล้ตัว เพียงแต่เราลองพลิกมองหาเหลี่ยมมุม มิติแง่ใหม่ๆจากวัสดุเดิมที่เราเคยมองข้ามไป แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนจินตนาการ อาจมาอยู่ในมือของเราแบบไม่รู้ตัว ส่วนใครที่อยากไปลองชิมขนมที่ร้านก็เดินทางไปได้อยู่ในซอยไม่ไกลจาก BTS เอกมัยนี่เองครับ
ขอขอบคุณ