ที่พักราคาประหยัด แฝงคุณค่าความงามผ่านสถาปัตยกรรมร่วมสมัยสไตล์ชิโน-โปรตุกีส
D Hostel Bangkok
Location : 103 Boonsiri Rd., San-Chao-Por-Suea, Phranakhon, Bangkok, 10200
Owner : คุณเบ้นซ์ ธันยาภรณ์ เปี่ยมวิริยะกุล
Architect : คุณนิว กิตติธัช นรเศรษฐกร จาก Klickken studio
หากคุณเคยผ่านไปย่านถนนบุญศิริ คงต้องสะดุดตากับอาคารที่มี façade (เปลือกอาคาร) สีดำ กับลวดลายโคโลเนียลสีขาวกันบ้างไม่มากก็น้อย อาคารนี้เป็นที่ตั้งของ D Hostel Bangkok ที่พักราคาประหยัดของเหล่าแบคแพคเกอร์ ในบรรยากาศสงบๆ ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างถนนข้าวสาร
D before Hostel
ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เราก็คงเลือกจากสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราถนัดเป็นอันดับแรก เช่นเดียวกับคุณเบ้นซ์ เจ้าของ D Hostel ซึ่งก่อนที่จะมาทำโฮสเทล ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับบูทีคโฮเทลชื่อ Feung Nakorn Balcony (เฟื่องนครบัลโคนี) มาก่อน ทำให้ค่อนข้างมีประสบการณ์ในเรื่องการบริหารโรงแรม จึงอยากเปิดโรงแรมในรูปแบบอื่น อย่าง “โฮสเทล” ดูบ้าง บวกกับความที่คุณเบ้นซ์เป็นคนในท้องที่ เติบโตมากับย่านนี้ และได้ตึกแถวว่างนี้มาพอดี จึงเห็นว่าเป็นทำเลที่เหมาะสมที่จะเปิดโฮสเทล เพราะอยู่ใกล้เขตเมืองเก่าที่มีวัดวาอาราม และใกล้ถนนข้าวสาร แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ ซึ่งทั้งหมดจึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ D Hostel Bangkok
ทำไมต้องเป็น “ดี” โฮสเทล ?
ชื่อโฮสเทลได้มาจากการเล่นคำพ้องเสียง คำว่า “D” กับ “ดี” เป็นชื่อที่อ่านง่าย จำง่าย ทั้งสำหรับคนไทยและต่างชาติ เป็นหลักการตั้งชื่อที่ได้เรียนรู้จากโรงแรมเฟื่องนครฯ เวลาเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษแล้ว ลูกค้าชาวต่างชาติออกเสียงไม่ได้ เป็นคำไทยที่เขียนทับศัพท์ตรงตัวแล้วอ่านยากเช่นกัน
Sino-Portuguese LOVER
เนื่องจากคุณเบ้นซ์เป็นคนที่ชอบสไตล์ชิโน-โปรตุกีสเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงให้โจทย์คุณนิว-กิตติธัช นรเศรษฐกร สถาปนิกผู้ออกแบบจาก Klickken Studio ไปว่าอยากได้โฮสเทลสไตล์ชิโน-โปรตุกีส เพื่อจะได้ลิ้งค์กับที่โรงแรมเฟื่องนคร บัลโคนี ซึ่งตกแต่งสไตล์นี้เช่นกัน ทางดีไซเนอร์จึงเสนอให้เอาบรรยากาศกรุงเทพโดยรอบย่านนี้เข้ามาตกแต่งผสมผสานกับความเป็นชิโน-โปรตุกีส ทำให้ได้งานออกแบบที่มีเอกลักษณ์แฝงกลิ่นอายโคโลเนียลร่วมสมัย
อาคารเป็นเฟรมกระดาษ และเหล็กเป็นลายเส้นปากกา
หลังจากที่ได้คุยกับทางสำนักงานเขต เรื่องการเปลี่ยนรูปแบบอาคารจากบ้านพักอาศัยมาเป็นโฮสเทล ตามกฎหมายแล้วต้องทำทางหนีไฟเพิ่ม คุณเบ้นซ์จึงคุยกับคุณนิวและตัดสินใจยอมทุ่มงบส่วนใหญ่ไปกับ façade (เปลือกอาคาร) เพื่อเป็นโครงบังทางหนีไฟจากสายตาผู้คนภายนอก แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นเป็นมากกว่าแค่ความสวยงาม มันกลายเป็นเอกลักษณ์ของตึก เป็นสิ่งช่วยดึงดูดลูกค้าที่เดินผ่านให้ตัดสินใจเข้าพักที่นี่
Façade ทำจากเหล็กฉีดสีดำทำเป็นเฟรมขนาดใหญ่แล้วตีเส้นด้วยเหล็กสีขาว ดูเหมือนแบบดรออิ้งทางสถาปัตยกรรม
สไตล์ที่ต่างกัน แต่ดูอบอุ่นแบบโฮมมี่
ตัวโฮสเทลเองมีทั้งหมด 6 ชั้น การตกแต่งภายในโดยรวมจะเป็นแบบเรียบง่ายใช้เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์น เน้นบรรยากาศแบบโฮมมี่ และพยายามดึงลวดลายความเป็นชิโนฯ จากภายนอกเข้ามาภายใน ให้ผสมกลมกลืนกันทั้ง 2 สไตล์ ซึ่งจะเห็นได้จากชั้น G และ M จะใช้เฟอร์นิเจอร์สีพื้นที่ดูเรียบง่ายตัดกับกระเบื้องสไตล์ชิโนฯที่มีลวดลายจัดจ้าน
แผนที่ แสดงตำแหน่งที่ตั้งสถานที่ท่องเที่ยวในระแวกใกล้เคียงพร้อมคำอธิบาย เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่คิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนดี
แผงบังตาเหล็กสีดำตีกริดฉลุลายชิโน-โปรตุกีส กั้นระหว่างทางขึ้นบันไดกับส่วนนั่งรับประทานอาหาร
ในส่วนของห้องพัก มีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ Mixed Dorm ขนาด 4 เตียง , Mixed Dorm ขนาด 6 เตียง , Female Dorm ขนาด 4 เตียง และ Female Dorm ขนาด 6 เตียง ซึ่ง Female Dorm จะอยู่ที่ชั้น 1 ส่วนชั้น 2-4 จะเป็น Mixed Dorm ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมสลับหญิง-ชายชั้นเว้นชั้น
กำแพงข้างบันไดแต่ละชั้นจะมีข้อมูลว่าบอกว่าแต่ละชั้นเป็นห้องพักแบบไหน
บริเวณที่นั่งหน้าห้องพักหญิง ตกแต่งให้ดูมีความเป็นเฟมินีน(สไตล์หวานๆดูผู้หญิงๆ)โดยใช้ลวดลายดอกไม้และสีฟ้าพาสเทล
locker จะมีอยู่หน้าห้องพักในทุกๆชั้น สำหรับเก็บกระเป๋าเป้แบคแพคใบใหญ่
เป็นยังไงกันบ้างคะ กับโฮสเทลที่เรานำมาฝาก ตัวอาคารดีไซน์สวยโดนใจคุณผู้อ่านกันบ้างมั้ยเอ่ย หวังว่าจะเป็นโฮสเทลนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ชอบที่พักสงบๆ บรรยากาศดี ตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างถนนข้าวสาร สำหรับใครที่สนใจก็มาเช็คอินกันได้ที่ D hostel Bangkok ถือซะว่ามาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศห้องนอน เผลอๆอาจจะได้เพื่อนใหม่เพิ่มด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก D Hostel Bangkok