“เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือนพีระมิด มีพระมหากษัตริย์อยู่บนยอดและมีราษฎรอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะตรงกันข้าม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องปวดคอ และบริเวณไหล่อยู่เสมอ”
นิทรรศการ “ศิระกรานต์พระภูบาลนวมินทร์”
ความทรงจำของเราที่มีต่อพ่อหลวงในรัชกาลที่ 9 คือภาพที่ท่านเสด็จไปช่วยเหลือราษฎรในที่ต่างๆ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น ไม่ว่าที่นั่นจะทุรกันดารหรือว่าลำบากแล้นแค้นแค่ไหนก็ตาม ท่านก็ไม่ย่อท้อ เพราะว่า “ทุกข์ สุข ของราษฎร คือทุกสุขของพระองค์ท่านเอง”
นิทรรศการ ศิระกรานต์พระภูบาลนวมินทร์ ได้รวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์จากพระราชกรณียกิจที่หาชมได้ยากทั่วทุกภาคของประเทศไทย จากฝีมือคุณนภันต์ เสวิกุล ช่างภาพที่มีโอกาสได้ตามเสด็จ นำมาเรียบเรียงและจัดนิทรรศการ โดยจัดแสดงเป็นซุ้มสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ที่เป็นกระจกทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเข้าชมและร่วมกันสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อปวงชนชาวไทย และน้อมนำข้อคิดไปปฏิบัติทำตาม โดยจัดแสดง ณ โรงพยาบาลศิริราช
– พีระมิดกลับหัว –
นิทรรศการนี้ได้แนวคิดจากพีระมิดกลับหัว ซึ่งมาจากบทพระราชทานสัมภาษณ์ดังนี้ “เคยมีผู้กล่าวไว้ว่า ราชอาณาจักรนั้นเปรียบเสมือนพีระมิด มีพระมหากษัตริย์อยู่บนยอด และมีราษฎรอยู่เบื้องล่าง แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนจะตรงกันข้าม นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องปวดคอ และบริเวณไหล่อยู่เสมอ” โดยออกแบบนิทรรศการมาในลักษณะแท่งกระจกขนาดใหญ่ ที่ติดรูปพระราชกรณียกิจที่หาชมได้ยากทั้ง 4 ภาคของไทย จำนวนทั้งหมด 28 ภาพ ใจกลางของนิทรรศการจะมีภาพขนาดใหญ่ 4 รูป โดยแต่ละภาพจะมีคำบรรยายเป็น พระบรมราโชวาทสั้นๆ ว่าท่านทำงานและมีวิธีคิดอย่างไรบ้าง
– ภายในนิทรรศการ –
เมื่อเข้ามาภายในนิทรรศการจะรู้สึกเปรียบเสมือนเดินเข้ามาภายในพีระมิด โดยจะมีทางเข้า 4 ทาง สื่อถึงภาคทั้ง 4 ภาคของประเทศไทย และแสดงถึงภาพพระราชกรณียกิจในแต่ละภาคซึ่งจะมีความแตกต่างกันออกไป
ด้วยการจัดวางซุ้มสัญลักษณ์ที่เป็นแท่งกระจก และที่ว่างเหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกสงบในพื้นที่ปิดล้อม และเพลิดเพลินกับการเดินชมนิทรรศการในเวลาเดียวกัน เสมือนกับเวลาได้หยุดเดิน ณ ที่แห่งนี้ ที่ที่เราจะได้เห็นและรับรู้ถึงพระราชกรณียกิจหลายๆอย่าง ที่เราไม่ทราบมาก่อน
เมื่อเดินเข้าไปสัมผัสถึงภายใน ผู้เข้าชมจะรู้สึกราวกับนิทรรศการนี้ ไม่มีขอบเขตและไม่มีที่สิ้นสุด เพราะผู้ชมจะเห็นภาพสะท้อนของตัวเอง สะท้อนกับกระจกไปมาระหว่างที่เดินชมแต่ละภาพ
– หัวใจของนิทรรศการ –
เมื่อเดินต่อมาเรื่อยๆ จนถึงใจกลางของนิทรรศการ ผู้เข้าชมจะเห็นภาพขนาดใหญ่ทั้งหมด 4 ภาพ และมีภาพสะท้อนของผู้เข้าชมผ่านกระจกที่ดูภาพพระบรมฉายาลักษณ์อีกด้วย ซึ่งเป็นความตั้งใจของผู้จัดนิทรรศการ โดยให้พื้นที่ตรงกลางนี้เป็นบริเวณที่ทำให้เราได้สำรวจจิตใจและตัวตนของเรา ผ่านกระจกที่สะท้อนภาพเหล่านั้นออกมานั่นเอง
– กระจกสะท้อนจิตใจ –
ซุ้มสัญลักษณ์ใช้วัสดุเป็นกระจกทั้งหมด เพราะมีนัยยะบางอย่างที่จะสื่อถึงผู้เข้าชม เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ถามกับตัวเอง ว่ารู้จักตัวเองและได้ดำเนินตามแนวคิดของท่านแล้วหรือยัง และกระจกนั้นก็จะสะท้อนตัวตนของเราออกมา เป็นการทำความดีเพื่อสืบพระราชปณิฐานของท่านสืบต่อไป ซึ่งนี่คือวัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการนี้ขึ้นมานั่นเอง
– นิทรรศการในส่วนต่างๆ –
นอกจากบริเวณข้างหน้าพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถานแล้ว ทางผู้จัดได้จัดนิทรรศการตรงส่วนอื่นไว้อีกด้วย เช่นตรงสวนข้างท่าเรือ และบริเวณข้างหลังพลับพลาประดิษฐานพระบรมรูป ร.5
ศิระกรานต์พระภูบาลนวมินทร์ เป็นนิทรรศการหนึ่งในช่วงนี้ที่ไม่ควรพลาด ให้เราได้เข้าชมพระบรมฉายาลักษณ์จากพระราชกรณียกิจซึ่งหาชมได้ยาก เสมือนได้ย้อนเวลากลับไปตามรอยพระองค์ท่าน เพื่อนำแนวคิดและหลักการทรงงานของท่านมาศึกษาและนำไปปฏิบัติทำตาม นำเดินตามหลักคำสอนของท่าน เพื่อสืบสานพระราชปณิฐาน และระลึกถึงพระราชาผู้ไม่เคยละทิ้งประชาชน จดจำภาพเหล่านั้นไว้ในใจตลอดไป เพื่อเป็นแรงบันดาลใจของเราให้ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้
ประชาชนสามารถเข้าชมนิทรรศการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560 เวลา 10:00 – 21:00 ปิดทำการทุกวันอังคาร วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันที่ 25 – 27 ตุลาคม 2560 (เนื่องในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช) ณ พิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน โรงพยาบาลศิริราช