OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

W house ดิบ…เท่…อยู่สบาย

บ้านที่มีแสงแดดและลมจากธรรมชาติ เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ภายในบ้าน อีกทั้งยังมีความเป็นส่วนตัว แม้ว่าจะตั้งอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายจากโลกภายนอก…

KC Design Studio บริษัทสถาปนิกชาวไต้หวัน ได้ทำการรีโนเวทบ้านทาวน์เฮ้าส์เก่า 3  ชั้น ที่มีอายุกว่า 50 ปี โดยสภาพแวดล้อมเดิมของบ้านนั้น มีความพลุกพล่านและความวุ่นวาย เพราะบ้านตั้งอยู่ในเขตพื้นที่พักอาศัย มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น ทำให้บ้านแต่ละหลังใกล้กันและมีความปลอดภัยต่ำ นอกจากนั้นสถานที่ตั้งยังอยู่ใกล้ตลาดกลางคืนที่เป็นที่นิยม มีผู้คนแวะเวียนมาตลอดทั้งคืน ทำให้บ้านหลังนี้มีเสียงดังรบกวนและขาดความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

ด้วยความที่อาคารเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์เก่าของไต้หวัน ซึ่งมีรูปทรงแบบทั่วไป คือเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ มีหน้ากว้างแคบ ขนาดของบ้านยาว ลมและแสงแดดจากธรรมชาติจึงเข้ามาไม่ถึงในบ้าน ทำให้ภายในอาคารมีพื้นที่บางส่วนที่มืด ทึบ และมีการถ่ายเท ระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก

แนวคิดของ W House

จากปัญหาดังกล่าว สถาปนิกจึงได้ทำการรีโนเวทบ้านขึ้นมาใหม่ โดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของเจ้าของบ้าน และแสงธรรมชาติเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบ

“เนื่องจากปัญหาในด้านของความปลอดภัย และทัศนียภาพที่ไม่ค่อยสวยงามนัก พวกเราจึงเกิดแนวคิด ข้างนอกคือข้างใน ขึ้นมา” สถาปนิกกล่าว “อาคารจะมี Facade 2 ชั้น ชั้นแรกที่อยู่นอกสุด จะมีลักษณะเป็นตาข่ายเหล็กสีขาวขนาดใหญ่ มีการเจาะช่องเพื่อให้ลมและแสงแดดเข้ามาภายในอาคาร แต่ในขณะเดียวกัน Facade นี้ก็สามารถกรองเสียงและสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับภายในอาคารได้ ส่วนผนังชั้นในทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบ้าน จะมีการเจาะหน้าต่างขนาดใหญ่ในทุกๆชั้น เพื่อให้แสงและลมสามารถถ่ายเทภายในอาคารได้”

สถาปนิกสร้างเปลือกนอกอาคารมาเพื่อกำหนดพื้นที่ขอบเขตของบ้านให้มีความเป็นส่วนตัวแต่ในขณะเดียวกันก็มีช่องเปิดที่สามารถรับลม แสงแดด และธรรมชาติเข้ามายังภายในบ้านได้

เปลือกอาคาร ก่อเกิดฟังก์ชัน

จากการที่มีเปลือกนอกอาคาร 2 ชั้นนั้น ก่อให้เกิดพื้นที่ตรงกลาง ที่เป็นพื้นที่กึ่งภายใน-ภายนอก โดยในพื้นที่นี้ สถาปนิกได้ออกแบบให้เป็นพื้นระเบียงที่สามารถปลูกพืชและต้นไม้ เพื่อให้บ้านมีบรรยากาศที่ร่มรื่น น่าอยู่มากขึ้น

ในบริเวณชั้น 2 ของพื้นที่กึ่งภายนอก มีสเปซสำหรับเด็กๆ ไว้ทำกิจกรรมหรือเล่นสนุกด้วยกัน

ห้องนอน master bedroom ชั้น 3 สามารถมองเห็นวิวสีเขียวของต้นไม้ได้ สร้างความผ่อนคลายและสบายให้ภายในห้องพัก

หน้าต่างขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้า และด้านหลังอาคาร เพื่อให้แสงสามารถส่องผ่านภายในบ้าน

ภายในอาคารมีการจัดพื้นที่แบบ Open Plan เนื่องจากมีพื้นที่จำกัด และอาคารมีหน้ากว้างเพียงแค่ 4 เมตร การจัดแบบ Open Plan ทำให้การใช้งานภายในบ้านมีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ

ช่องแสง เชื่อมสเปซ (ชั้น 1 ถึง ชั้น 3)

เนื่องจากบ้านทาวน์เฮ้าส์จะมีแสงเข้าเพียงด้านหน้าและหลังเท่านั้น เพื่อเพิ่มแสงธรรมชาติให้ชั้นล่างหรือส่วนกลางของบ้าน สถาปนิกจึงเจาะช่องแสงตรงหลังคา เพื่อให้แสงสามารถส่องผ่านจากชั้น 3 ลงมา ชั้น 1 ได้อย่างทั่วถึงในทุกมุมภายในบ้าน

จากเดิมบ้านก่อนรีโนเวท ใช้ผนังเบาในการกั้นห้อง ซึ่งนี่เป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้แสงส่องไปไม่ถึงภายในห้อง สถาปนิกจึงนำผนังทึบออก และนำกระจกมาติดตั้งแทน แสงจะส่องทะลุไปยังทุกๆที่ในอาคาร และยังมีการใช้บันไดแบบลอยที่โปร่งแสงอีกด้วย

วัสดุ สร้างความหมาย

วัสดุภายในบ้านคือการผสมผสานกันระหว่างความเก่าและความใหม่ โดยมีการใช้โครงสร้างเสาและคานคอนกรีตของบ้านแบบเดิม ไม่ทาสีทับเพิ่มเติม ส่วนพื้นและผนังใช้ไม้ คอนกรีต  เพื่อเป็นการสร้างบรรยากาศและเก็บความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเก่าก่อนรีโนเวทไว้

วัสดุภายในอาคารส่วนมากจะใช้วัสดุที่มีโทนสีสว่าง เพื่อให้แสงสามารถสะท้อนไปมาและเพิ่มความสว่างภายในอาคารได้

พืชแขวนอยู่บนโครงสร้างเหล็กของบ้านเก่า ก่อให้เกิดความร่มรื่นภายในอาคาร

ห้องน้ำแบบ Open Bathroom ทำให้รู้สึกว่าภายในห้องมีขนาดที่กว้างขึ้น กว่าการใช้ผนังเบากั้น

สถาปนิกนำกระจกมาติดตั้งแทนพื้นตรงกลางบ้าน เพื่อเป็นการให้แสงแดดสามารถส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึงในทุกมุมของบ้าน

ถึงแม้ว่าก่อนการรีโนเวท บ้านหลังนี้จะมีปัญหาในการเข้ามาพักอาศัยหลายอย่าง เช่น ไม่มีความเป็นส่วนตัว แสงและลมเข้าไม่ถึงภายในบ้าน แต่สถาปนิกก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนสเปซภายในบ้านใหม่ แก้ไขปัญหาเหล่านั้นทิ้งไป โดยนำข้อเสียของอาคารให้กลายมาเป็นจุดเด่นภายในบ้าน อย่างการใช้เปลือกอาคารสองชั้น ก่อให้เกิดสเปซตรงกลางที่สามารถทำเป็นสวนภายในอาคารได้นั่นเอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Kcstudio, Designboom, Archdaily