คาเฟ่ที่มีการตกแต่งสไตลวินเทจ และแต่งแต้มสีสันด้วยดอกไม้และต้นไม้นานาพันธุ์ คงจะดีไม่น้อยถ้าได้หลบความวุ่นวายจากโลกภายนอก มาดื่มด่ำบรรยากาศแห่งความสงบแต่แฝงด้วยความมีชีวิตชีวาในคาเฟ่แห่งนี้
Owners: คุณวรวรรณ สุวัฒนพิมพ์, คุณฐิติวัฒน์ ทัศนียานนท์
Interior: คุณไพศาล จงประสบธรรม
Location: พระราม 3 กรุงเทพ
Photographer: จิณณวัตร บริหารกิจอนันต์
ลึกเข้ามาในย่านพระราม 3 ซอย 11 มีร้านคาเฟ่เล็กๆที่ชื่อว่า Go Coffee & Icecream ซ่อนตัวอยู่ ร้านคาเฟ่แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีกระจกบานใหญ่เรียงเต็มหน้าร้านเพื่อรับแสงแดดได้ในทุกพื้นที่ ส่วนภายในร้านมีการเลือกใช้โทนสีและเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างอย่างลงตัว จึงทำให้ Go Coffee & Icecream เป็นคาเฟ่ที่เข้าไปแล้วรู้สึกอบอุ่นคล้ายกับการได้พักผ่อนอยู่บ้านเลยทีเดียว
– กราฟฟิคดีไซน์เนอร์ ผู้ผันตัวเป็นบาริสต้าและนักทำไอศกรีม –
จากความอิ่มตัวในอาชีพกราฟฟิคดีไซน์เนอร์ของคุณเจ วรวรรณ สุวัฒนพิมพ์ และ คุณโตโต้ ฐิติวัฒน์ ทัศนียานนท์ ผู้เป็นเจ้าของร้าน จึงเกิดความคิดที่จะทำในสิ่งที่รักอย่างการเป็นบาริสต้าและนักทำไอศกรีม และความคิดที่ลงตัวที่สุดในการทำ 2 สิ่งที่รักควบคู่กันไป นั่นคือการเปิดร้านคาเฟ่ที่รวมความชอบของ คุณเจและคุณโตโต้จนเกิดเป็น Go Coffee & Icecream ร้านนี้นี่เอง
“เราชอบกินไอศกรีม เรารู้สึกว่าไอศกรีมคือ Comfort Food กินแล้วรู้สึกดี ทุกคนดูมีความสุขในการกินไอศกรีม และชอบบรรยากาศตอนที่ลูกค้าได้ลองชิมไอศกรีมแล้วดูมีความสุขมากๆ แต่จริงๆแล้วการทำร้านก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องปรับตัวอะไรหลายอย่างเพราะไม่ค่อยถนัดงานด้านบริการเท่าไหร่นัก แต่เราก็จะพยายามเพื่อให้ความตั้งใจและความมุ่งมั่นในตอนแรกได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา” คุณเจเล่าถึงเหตุผลในการอยากทำร้านคาเฟ่แห่งนี้
– ปรับเปลี่ยน และปรับปรุง –
ครอบครัวของคุณเจมีโรงพิมพ์เก่าที่ไม่ได้ใช้ คุณเจจึงเกิดแนวคิดที่จะนำพื้นที่แห่งนี้มาปรับปรุงเป็นร้านคาเฟ่ โดยมีคุณไพศาล จงประสบธรรม เป็นมัณฑนากรให้กับโปรเจคนี้ เขาได้รีโนเวทอาคารแทบทั้งหมดเหลือทิ้งไว้แต่เพียงโครงสร้างเท่านั้น โดยทุบฝ้าเดิมทิ้งและโชว์เส้นสายของงานระบบ เพื่อความโล่งและโปร่งของพื้นที่ภายใน พื้นเดิมจะถูกรื้อและแทนด้วยพื้นปูนขัดมันและกระเบื้องหลายรูปแบบในบางจุด โดยการรีโนเวทโรงพิมพ์เก่าจนกลายเป็นร้านแห่งนี้ ใช้เวลาเพียง 2 เดือนเท่านั้น
– สีสันและบรรยากาศ –
Go Coffee & Icecream มีพื้นที่ 70 ตารางเมตร มีจำนวนโต๊ะทั้งหมด 8 โต๊ะ เพื่อเน้นความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้า โดยจำลองบรรยากาศวันหยุดคล้ายกับการพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และเฟอร์นิเจอร์กว่า 90% เป็นของเก่าและของสะสมจากเจ้าของทั้ง 2 คน โดยมีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ที่ไม่เหมือนกันแต่มีความเข้ากัน ช่วยให้ร้านดูสนุกและไม่เคร่งขรึมจนเกินไปนัก ส่วนของตกแต่งร้านจะเลือกใช้แบบที่มีสีสันเพิ่มความมีชีวิตชีวา และมัณฑนากรเลือกใช้สี สีน้ำเงินอมเขียวเข้มทาผนังในทุกด้านของร้าน ช่วยทำให้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งดูโดดเด่นขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสีน้ำเงินก็ยังสร้างบรรยากาศให้เกิดความสงบและความอบอุ่นให้กับร้านอีกด้วย
การจัดวางโต๊ะที่ไม่มีแบบแผนชัดเจนภายในร้านเป็นการสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้กับแขกผู้ใช้บริการ และเกิดความยืดหยุ่นในการใช้งานที่หลากหลาย นอกจากนั้นการที่มีกระจกบานใหญ่ตลอดแนวร้าน ช่วยให้แสงส่องถึงภายในร้านได้อย่างทั่วถึงทุกมุมมองอีกด้วย
– ความสมบูรณ์แบบคือความไม่สมบูรณ์ –
“Imperfection คือเสน่ห์ของร้านเรา การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่ง หรือแม้แต่ลวดลายของกระเบื้องจะมีความต่างกัน ไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน โดยเป็นการช่วยสร้างบรรยากาศของร้านกาแฟให้มีความน่าสนุกและไม่จำเจ แต่เมื่อได้มองดูดีๆในความแตกต่างกันนั้น จะเห็นความเข้ากันอยู่ จากการเลือกใช้วัสดุและคุมโทนสี” คุณไพศาลกล่าวถึงแนวคิดสำคัญในการออกแบบร้านแห่งนี้
เพราะภายในร้านมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด มัณฑนากรจึงใช้กระจกเงาติดตั้งตามที่ต่างๆเป็นตัวช่วยให้ร้านดูกว้าง มีมิติมากขึ้น เช่นกระจกที่ติดอยู่บริเวณทางเข้า หรือบริเวณโต๊ะยาว ที่เป็นกระจกรูปทรงโค้ง 6 ชิ้น เรียงต่อกัน เพราะกระจกต่างก็สะท้อนภาพของร้านระหว่างกันไปมา ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวและเกิดมิติภายในร้านมากขึ้น
ของตกแต่งภายในร้าน เช่นรูปภาพ ดอกไม้ และต้นไม้ เจ้าของร้านทั้ง 2 เป็นผู้เลือกเอง รวมทั้งภาพวาดบางภาพ คุณโตโต้ก็เป็นผู้สร้างสรรค์เองด้วยเช่นกัน
เมื่อแสงแดดส่องกระทบที่ผนังสีน้ำเงินอมเขียว จะได้เฉดสีที่แตกต่างออกไปตามแต่ละช่วงเวลาและปริมาณของแสงแดดที่ส่องเข้ามาภายในร้าน
– ต้นไม้สร้างความมีชีวิตชีวา –
“มนุษย์เราควรได้อยู่กับธรรมชาติ การมีธรรมชาติอยู่รอบๆตัวจะทำให้เรามีชีวิตชีวา และในแง่ของการออกแบบนั้นสีเขียวและกลิ่นหอมของต้นไม้ทำให้มนุษย์เกิดความผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อแสงแดดส่องลงบนต้นไม้หรือดอกไม้ก็จะเกิดแสงที่มีความเข้มอ่อนต่างกัน และในบางครั้งก็ยังทำให้เกิดภาพสะท้อนหลายแบบ เป็นความสวยงามในแต่ละช่วงเวลา” คุณไพศาลกล่าวถึงแนวคิดในการใช้ต้นไม้มาตกแต่งร้าน
จะเห็นได้ว่าภายในร้านมีการตกแต่งด้วยดอกไม้หลายชนิด โดยคุณเจและคุณโตโต้เป็นผู้ไปเลือกดอกไม้ด้วยตนเองทุกครั้ง สีสันของต้นไม้ส่งผลให้ร้านมีความละมุนและอ่อนโยนมากขึ้น
เพราะที่ร้าน Go Coffee & Icecream ใช้ดอกไม้และต้นไม้จริง จึงทำให้ภายในร้านมีกลิ่นหอมของดอกไม้ผสมอยู่แบบเจือจาง เมื่อใดก็ตามที่ดอกไม้เริ่มแห้ง เจ้าของก็จะนำมาตั้งโชว์หรือนำมาเก็บไว้ที่โครงเหล็กเหนือเคาน์เตอร์ชงกาแฟ จนเกิดเป็นสีสันความหลากหลายของต้นไม้ชนิดต่างๆ
Glass House เล็กๆ ที่อยู่ระหว่างทางเดินไปเข้าห้องน้ำของร้าน Go Coffee & Icecream ถูกประดับด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลากหลายชนิด นอกจากในเรื่องของความสวยงามแล้วนั้น ยังเป็นการสร้าง Mood & Tone ให้แตกต่างจากภายในร้านอีกด้วย
รายละเอียดพื้นและผนัง ที่มัณฑนากรตั้งใจออกแบบให้แตกต่างแต่เข้ากันได้ดี เพื่อสร้างความสดใสให้กับภายในร้าน
DTip: มัณฑนากรนำราวลูกกรงไม้บันไดมาประดับที่เคาน์เตอร์ชงกาแฟ สร้างมิติให้เฟอร์นิเจอร์ได้เป็นอย่างดี
เส้นสายรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์ช่วยเพิ่มความมีมิติให้กับร้านไม่ให้เรียบจนเกินไป และยังทำให้เกิดรูปแบบเงาที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในร้านตลอดทั้งวัน
Caramel Coffee Late (90 baht), Virgin Pina Colada (95 baht), Ice cream Kanom phing & Thai milk tea (90 baht), Flourless Chocolate Cake (150 baht)
Go Coffee & Icecream คาเฟ่เล็กๆที่เกิดจากความรักของเจ้าของทั้งสองท่าน ตั้งแต่การออกแบบโลโก้ร้าน เลือกเฟอร์นิเจอร์ เลือกของตกแต่งด้วยตนเอง จนกลายเป็นคาเฟ่ที่เราสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการทำงานของพวกเขา และยังมีรายละเอียดน่ารักๆเต็มร้าน จนน่าจะเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ผ่อนคลายไม่น้อย….
Something more
– แก้วไอศกรีมเซรามิคของทางร้าน คุณเจเป็นผู้ออกแบบและทำเองร่วมกับเพื่อนๆ
– คำว่า Go จาก Go Coffee & Icecream หมายถึงการชั่งตวงและเลข 5 ในภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเลขนำโชคอีกด้วย
– คุณโตโต้เป็นผู้ออกแบบโลโก้ร้านด้วยตนเอง และเมื่อได้สังเกตดูดีๆ โลโก้ร้านจะมีสัญลักษณ์ Infinity แฝงอยู่
Map