OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

คอนกรีต ที่ว่าง แสงและเงา ในสถาปัตยกรรมยุคโมเดิร์น … Paul Rudolph

“เมื่อคนคิดถึงสถาปัตยกรรม มักจะนึกถึงเรื่องวัสดุเป็นอันดับแรก แม้จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญแต่ก็ยังไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลถึงอารมณ์ของอาคาร เพราะจริงๆ แล้ว การบีบอัดและปลดปล่อยที่ว่าง ความมืดและแสงสว่างที่สร้างบรรยากาศให้กับที่ว่างนั้นๆ อีกทั้งความแตกต่างหรือความต่อเนื่องระหว่างที่ว่างในอาคาร เรื่องเหล่านี้ต่างหากเป็นสิ่งที่คนจะจดจำ”

Paul Marvin Rudolph หนึ่งในสถาปนิกแนวหน้ายุค Modernism และคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัย Yale University เรื่องราวที่ถูกจดจำของเขาคือสถาปัตยกรรมสไตล์ Brutalist แข็งแกร่ง หนักแน่น และมั่นคง

Paul Marvin Rudolph เกิดวันที่ 23 ตุลาคม 1918 ในเมือง Elkton, Kentucky ในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น เขาเติบโตที่เมือง Alabama จากนั้นจึงเข้าเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ Alabama Polytechnic Institute (ในปัจจุบันคือมหาวิทยาลัย Auburn University) และจบการศึกษาปริญญาตรี ในปี 1940

Art and Architecture Building at Yale University

เมื่อเรียนจบ เขาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย Harvard โดยเขามีโอกาสได้เรียนกับ Walter Gropius และเพื่อนร่วมรุ่นของเขายังเป็นสถาปนิกยุค Modernism ชื่อดังหลายท่าน เช่น IM Pei และ Philip Johnson เป็นต้น เมื่อเริ่มเรียนไปซักระยะหนึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เขาจึงหยุดเรียนเป็นระยะเวลา 3 ปี และกลับมาสานต่อความตั้งใจอีกครั้ง จนสำเร็จการศึกษาปริญญาโทในปี 1947

Bass Residence

หลังสำเร็จการศึกษา เขาได้ย้ายไปทำงานที่รัฐ Florida ซึ่งเขาได้กลายเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดใน The Sarasota School of Architecture สไตล์งานโดดเด่นของ Paul Rudolph ในตอนนั้น คือการคำนึงถึงภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และบริบท ซึ่งเป็นผลที่ได้จากการผ่านช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นี่เอง

Milam Residence

หลังเริ่มทำงานได้ 4 ปี เขาตัดสินใจออกจากงานและเริ่มต้นฝึกฝนการออกแบบด้วยตนเอง และงานที่ได้สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นลำดับแรกๆ  คือ Florida houses ในปี 1951 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาได้รับงานออกแบบสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ในเวลาต่อมา และในปี 1958 เขาก็ได้เข้ารับตำแหน่งคณบดีที่ Yale School of Architecture โดยเขาเป็นอาจารย์ให้กับลูกศิษย์ต่างๆ มากมาย เช่น Muzharul Islam, Norman Foster และ Richard Rogers

Endo Laboratories

Brutalist สไตล์งานที่โดดเด่นของ Paul Rudolph เป็นสถาปัตยกรรมที่ว่าด้วยการเปลือยผิวคอนกรีตอันทรงพลัง มักเป็นอาคารขนาดใหญ่ และใช้จังหวะหรือรูปแบบขององค์ประกอบซ้ำๆ แสดงให้เห็นความสวยงามของที่ว่าง ผ่านแสง เงา และสัจจะวัสดุ ซึ่งมักจะพบบ่อยในสถาปัตยกรรมตะวันตก ช่วง Modernism

Dtip: อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Brutalist เพิ่มเติมได้ที่ ฺBrutalist Architecture สถาปัตยกรรมกล้าแสดงออก ที่กำลังจะกลับมาโลดแล่นอีกครั้ง

Southeastern Massachusetts Technological Institute

Lippo Centre Station

หลังจาก Brutalist เริ่มหมดความนิยมในช่วง 1970 สไตล์งานของ Paul Rudolph ก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เขาได้ออกแบบอาคารสำนักงานหลายแห่งทั่วโลก โดยนิยมใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก รวมทั้งตึกที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงลักษณะอาคารอย่าง Lippo Centre Station ใน Hongkong ด้วยเช่นกัน

Orange County Government Center

Location: New York, USA

หนึ่งในสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของ Paul Rudolph คือ Orange County Government Center ใน New York เขาออกแบบศูนย์ราชการ โดยอิงจากความคิดพื้นฐานในการสร้างบ้านที่เขามีประสบการณ์มากว่า 10 ปี เพียงแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น อาคารนี้เป็นที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับการขนส่งและยานพาหนะของรัฐบาล

Orange County Government Center เป็นอาคารสไตล์ Brutalist ด้วยการใช้แผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ เล่นกับรูปทรงเรขาคณิตแบบซ้ำเดิม ให้ความสำคัญกับที่ว่าง แสง และเงาที่ตกกระทบพื้นผิวอาคาร Paul Rudolph วางผังอาคารทอดยาวไปด้านทิศเหนือและทิศใต้ เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติ และส่งผลให้แสงภายในอาคารมีความต่อเนื่องและเข้าถึงทุกพื้นที่

โดยรูปแบบอาคารภายนอกจะคล้ายกับกล่องคอนกรีตสี่เหลี่ยมหลายกล่องต่อกัน ซึ่ง Paul Rudolph เลือกใช้คานคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 1.5 เมตร หนา 60 เซนติเมตร เพื่อออกแบบสแปนที่ยาว 12.2 เมตร และ 15.3 เมตร ตามโครงสร้างอาคาร

The Colonnade Condominiums

Location: Singapore

Colonnade Condominiums คืออาคารที่พักอาศัยใน Singapore แรกเริ่มเดิมที Paul Rudolph ตั้งใจว่าจะออกแบบอาคารด้วยเทคโนโลยี Prefabricate หรือคอนกรีตสำเร็จรูป ด้วยการยกโครงสร้างและห้องพักมาตั้งไว้ตามเสา คาน และโครงสร้างอาคาร

เขาวิธีการนี้เรียกว่า “Twentieth-century Brick” ช่วยให้การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ง่ายและสะดวกมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาก่อสร้างจริง กลับเกิดปัญหาด้านค่าใช้จ่ายที่สูงจนเกินไป ในท้ายที่สุดจึงต้องใช้วิธีนำคอนกรีตมาเทหน้างานแบบโดยทั่วไป ถึงแม้วิธีการจะไม่ตรงตามความต้องการในตอนแรก แต่ก็นำมาซึ่งความสำเร็จในการก่อสร้างและถ่ายทอดเรื่องราวที่ Paul Rudolph ต้องการได้อย่างครบถ้วน ตรงกับเป้าหมายการออกแบบเริ่มต้นของเขา

John W. Chorley Elementary School

Location: New York, USA

โรงเรียนประถม John W. Chorley Elementary School โรงเรียนแรกและโรงเรียนเดียวของ Paul Rudolph ที่ได้ออกแบบและสร้างจริง โดยโรงเรียนนี้ตั้งอยู่ที่เมือง Middletown, New York มีพื้นที่ถึง 68 ไร่ รองรับนักเรียนได้ 918 คน

จุดเด่นของโรงเรียนคือการวางผังอาคารยืดหยุ่น สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น ในห้องเรียนหลักจะมีผนังเบากั้นอยู่ โดยผนังเบาจะสามารถเลื่อนไปมาได้ และเมื่อเปิดผนังออกทั้งหมด จะกลายเป็นพื้นที่ Open Plan เชื่อมต่อทุกพื้นที่

มากไปกว่านั้นยังมีการออกแบบช่องรับแสงด้านบน เพื่อให้ภายในอาคารได้รับแสงธรรมชาติทั่วถึง โดยแสงจะส่องผ่านสเปซต่างๆ ในอาคาร ส่วนปีกอาคารจะเป็นห้องสันทนาการ เช่น ห้องศิลปะ ดนตรี และห้องเรียนพละ ซึ่งห้องเรียนแต่ละห้องจะมีประตูสู่ภายนอกอาคารและประตูในปีกอาคาร คุณครูสามารถสอนนักเรียนได้มากถึง 8 ห้องเรียนในเวลาเดียวกัน

ในปัจจุบันอาคารนี้ถูกดูแลและเก็บรักษาไว้ เพราะเป็นสถาปัตยกรรมที่อยู่ในรายชื่อสถาปัตยกรรม 7 แห่ง ที่ควรค่าต่อการอนุรักษ์ของเมือง New York จากคุณค่าทางด้านความงามและการแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของเมืองนั่นเอง

Paul Rudolph มีสถาปัตยกรรมมากมายให้จดจำและเป็นแลนด์มาร์คอยู่หลากหลายที่ทั่วโลก รวมทั้งคลังข้อมูลสถาปัตยกรรม การออกแบบ และวิศวกรรมของเขา ก็ถูกบริจาคให้กับหอสมุดแห่งชาติใน America ถึงแม้เขาจะจากไปเป็นเวลาหลายปีแล้ว (8 สิงหาคม 1997) แต่เรื่องราว วิธีคิด และสถาปัตยกรรมของเขาต่างถูกร้อยเรื่องราว ให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และประยุกต์ใช้จนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก paulrudolph, archdaily, Orange County Government Center, John W. Chorley Elementary School, The Colonnade Condominiums

Discover more from Design Makes A Better Life.

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading