เนื่องจากอาคารหลังนี้เป็นอาคารเก่าริมถนนย่านสุรวงศ์ กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้นำมารีโนเวทให้ลักษณะอาคารภายนอกดูโดดเด่นขึ้น บริเวณภายในชั้น 1 ถูกออกแบบเป็นโชว์รูมขายเพชรและเครื่องประดับที่สามารถรองรับลูกค้าได้
ทาง Gratitude Design จึงตีโจทย์จากฟังก์ชันการใช้งาน และมองหา mood and tone ที่ทำให้ลักษณะการออกแบบภายในมีความหรูหราขึ้น โดยในความหรูหรานั้นจะต้องจับต้องได้ ไม่แข็งทื่อ และทำให้ภาพรวมดูเกร็งจนเกินไป
สถาปนิกเพิ่มความ cozy ให้กับพื้นที่มากขึ้น โดยมีการใช้สไตล์ Modern Luxury และได้นำโทนสีเทา มาใช้เป็นสีหลักในการออกแบบ ซึ่งสีเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมาก เพราะสีนั้นๆ จะต้องช่วยส่งเสริมโปรดักต์ โดยเมื่อนำสีเทามาวางคู่กับเพชรแล้ว ทำให้เพชรมีความแวววาวและสง่างามมากขึ้น
ดีเทลการออกแบบของแต่ละจุดตอบโจทย์การใช้งานทั้งผู้ให้บริการ และ ผู้รับบริการ ซึ่งถึงแม้ขนาดพื้นที่จะค่อนข้างเล็ก แต่สามารถวางที่นั่งได้ถึง 3 รูปแบบ นอกจากนั้นยังมีการเติมแต่ง และใส่รายละเอียดของงานออกแบบเข้าไปเพิ่มเติมอย่างเช่น งานพื้นผิว การเลือกใช้สี หรือแม้แต่ลายของพรม ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการคลี่คลายของเหลี่ยมเพชร
วัสดุต่างๆ ที่เลือกใช้ เช่น ลายและแพทเทิร์นของลามิเนตบริเวณหน้าบานตู้ เมื่อโดนแสงและเงาตกกระทบจะเกิดการสะท้อน ระยิบระยับ คล้ายประกายของเหลี่ยมเพชร ซึ่งทางสถาปนิกออกแบบหินและสแตนเลส เพื่อให้ความมันวาวของวัสดุ สร้างความหรูหราให้กับพื้นที่มากขึ้นไปอีก
นอกจากเรื่องวัสดุแล้ว สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย คือ แสงไฟ ไม่ว่าจะเป็นแสงโดยรวมที่ใช้ Ambient ซึ่งมีความสว่างที่เพียงพอ ไม่มืด และยังมีแสงตกแต่งในพื้นที่ต่างๆ เช่น ไฟตกแต่งภายในตู้โชว์ ไฟจากโคมที่ส่องจากบริเวณด้านบนตู้เพชร ซึ่งสิ่งที่สำคัญมากที่สุด คือค่าความสว่างที่เหมาะสม ค่าสีของไฟในร้านเพชร หรือเครื่องประดับ ต้องไม่หลอกตาและไม่ทำให้โปรดักต์สีเพี้ยน
*คำอธิบายทั้งหมดโดยสถาปนิก (Text description by the architects)
Credits ;
Location : สุรวงศ์ กรุงเทพฯ
Gross Built Area: 45 ตารางเมตร
Completion Year : 2020
Owner : สุรีย์ ศิริวัจนางกูร
Architecture Firm: Gratitude design
Architect & Interior : วรากร เติมวัฒนาภักดี
Electrical engineer: อังกูร เชยเอี่ยม
Photographer: PANORAMIC STUDIO
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!