เกลียวคลื่นใสพลิ้วไหวในแนวดิ่งนี้เป็นฟาซาดใหม่ของอาคาร Samaritaine ห้างเก่าแก่ที่เป็นหนึ่งในตำนานแห่งกรุงปารีส การปรับโฉมใหม่นี้เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปี 2021 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าก่อนหน้าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากชาวปารีเซียงหัวอนุรักษ์นิยมว่าฟาซาดนี้มันช่างเหมือน “ม่านในห้องอาบน้ำ (Shower Curtain)” ที่ดูไร้รสนิยม แต่ในขณะเดียวกันชาวปารีเซียงหัวสมัยใหม่กลับชื่นชมว่านี่คือรูปโฉมของปารีสแห่งอนาคตที่เจ๋งดีทีเดียว
ตำนานของห้าง La Samaritaine เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1870 ก่อนที่เครือธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง LVMH จะเข้ามาเป็นเจ้าของห้างคลาสสิกในปี ค.ศ.2001 ช่วงเวลานี้เองถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการพลิกชีวิตใหม่ให้กับกลุ่มอาคารเหล่านี้ซึ่งทาง LVMH ตัดสินใจรีโนเวทอสังหาริมทรัพย์อันทรงคุณค่านี้ใหม่ทั้งหมดด้วยเหตุผลสองประการหลักๆ โดยอย่างแรกก็เนื่องมาจากความเก่าแก่ทรุดโทรมของอาคารรวมถึงโครงสร้างดั้งเดิมที่เริ่มไม่ปลอดภัย ส่วนอีกเหตุผลก็คือต้องการปรับเปลี่ยนให้ทรัพย์สินนี้กลายเป็นอาคารในรูปแบบ Mixed-use Development ที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบยิ่งขึ้นและสร้างมูลค่าทางธุรกิจให้คุ้มค่ายิ่งกว่าเก่า
La Samaritaine เริ่มปิดตัวลงชั่วคราวเมื่อปี ค.ศ.2005 โดย LVMH ได้มอบหมายโจทย์การปรับโฉมครั้งนี้ให้กับบริษัทสถาปนิกสัญชาติญี่ปุ่นอันโด่งดังอย่าง SANAA (Kazuyo Sejima and Ryue Nishizawa) ที่การันตีฝีมือโดยรางวัล Pritzker Prize ได้เป็นผู้แสดงฝีมือปรับโฉมโครงการทั้งหมด ซึ่งทาง LVMH เองต้องการให้อาคารที่รีโนเวทใหม่ในครั้งนี้เป็นตัวแทนที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านปารีสสู่มิติใหม่แห่งอนาคตไปในตัวด้วยนั่นเอง
ในอดีต La Samaritaine เคยได้รับยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์อาวองการ์ด (Avant-garde Architecture) ที่ล้ำสมัย ด้วยฟาซาดและโครงสร้างที่ออกแบบได้อย่างมีเอกลักษณ์นั้นผสานกับรายละเอียดด้านในที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานโครงเหล็กซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหอไอเฟลเข้ากับกระจกตลอดจนรายละเอียดอื่นๆ อย่างงดงาม ในส่วนของการตกแต่งภายในก็โดดเด่นด้วยการแต่งแต้มศิลปะหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ภาพวาดฝาผนังไปจนถึงแผงประดับอาคารที่แสนวิจิตร นับเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมผสานระหว่างสไตล์ Art Deco และ Art Nouveau ได้อย่างลงตัวทีเดียว ซึ่งผลงานดั้งเดิมนั้นเป็นการรีโนเวทอาคารในปี ค.ศ.1910 (แล้วรีโนเวทใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ.1926-1928) ที่เป็นแบบฉบับเอกลักษณ์อันคลาสสิกมาจนถึงยุคปัจจุบัน โดยเป็นการผสานฝีมือการออกแบบของสองสถาปนิกชื่อดังในอดีตอย่าง Frantz Jourdain และ Henry Sauvage
สำหรับการรีโนเวทในยุคศตวรรษที่ 21 นี้ ภายนอกของอาคารทางสถาปนิกเลือกที่จะคงโครงสร้างอันมีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมส่วนใหญ่ไว้ดังเดิม แต่ไฮไลท์ที่เรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างมากนั้นก็คือการเล่นกับฟาซาดอาคารด้านถนน Rue de Rivoli ที่รื้อฟาซาดดั้งเดิมของอาคารทิ้งทั้งหมด แต่ยังคงโครงสร้างอาคารเก่าไว้ แล้วเสริมแผงกระจกแก้วใสลอนคลื่นขนาดใหญ่ทดแทนให้กลายเป็นฟาซาดใหม่ของอาคาร
ด้านในนั้นมีการปรับปรุงใหม่เกือบจะ 100% ตั้งแต่การปรับพื้นที่ใหม่ไปจนถึงการอนุรักษ์รายละเอียดดั้งเดิมอันทรงคุณค่าไว้ ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยโซนออฟฟิศก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการแบ่งพื้นที่ใหม่ทั้งหมด ดีไซน์ในส่วนนี้มีความเรียบหรูและทันสมัยในกลิ่นอายมินิมอลแบบฉบับญี่ปุ่น ซึ่งผสานกับรายละเอียดโครงสร้างเก่าที่มีเสน่ห์อย่างลงตัว เป็นการผสานความโมเดิร์นให้กลมกลืนกับความคลาสสิกที่น่าสนใจทีเดียว
โซนที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ Samaritaine คงหนี้ไม่พ้นโซน Department Store ที่แสนหรูหราอลังการ โดยเฉพาะบริเวณโถลกลางที่เป็นการตกแต่งรายละเอียดต่างๆ ผสมผสานระหว่างศิลปะยุค Art Deco และ Art Nouveau ไว้สวยงามไม่แพ้สถาปัตยกรรมด้านนอกเลยทีเดียว ในโซนนี้เอกลักษณ์อันประณีตต่างๆ ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เช่นเคย แต่มีการบูรณะให้ดูใหม่และสว่างสดใสกว่าเก่า
การรีโนเวทที่พิเศษอีกจุดก็คือบริเวณหลังคากระจกตรงกลางอาคารซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมมีสะท้อนให้เห็นถึงความประณีตของช่างฝีมือตลอดจนรายละเอียดที่วิจิตรงดงาม ในส่วนของโครงสร้างเหล็กอันมีเอกลักษณ์ที่ถอดแบบลักษณะการก่อสร้างมาจากหอไอเฟลนั้นก็ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เช่นเคย แต่มีการปรับเปลี่ยนกระจกใสบริเวณหลังคาให้เป็นกระจกแบบ Electrochromic Glass ซึ่งเป็นกระจกในรูปแบบ Smart Glass ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ซึ่งสามารถควบคุมปริมาณแสงและความร้อนเข้าสู่ภายในอาคารได้อย่างชาญฉลาดแถมยังคงเสน่ห์ดั้งเดิมไว้ได้พร้อมกัน
Samaritaine เป็นอาคารเก่าแก่คลาสสิกที่ถูกขึ้นทะเบียน Monument Historique ให้เป็นโบราณสถานทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าของฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1990 ด้วยประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าในหลายมิตินี้เองทำให้การปรับโฉมครั้งนี้ต้องการสื่อสารถึงการส่งผ่านประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสถาปัตยกรรมแห่งอนาคต ถึงแม้ว่าอาคารที่ล้ำสมัยนี้อาจดูแปลกแยกแตกต่างจากความคลาสสิกของบรรยากาศโดยรอบ แต่ขณะเดียวกันฟาซาดขนาดยักษ์นี้ก็สะท้อนภาพงดงามของอาคารบ้านเรือนอันมีเสน่ห์ตลอดจนสิ่งแวดล้อมในบริเวณนี้ให้ปรากฏบนลอนคลื่นแห่งอนาคตนี้ไปพร้อมกัน นับเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยที่โดดเด่นทั้งด้านดีไซน์ล้ำยุคไปจนถึงด้านประวัติศาสตร์ศิลป์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
นอกจากสถาปัตยกรรมที่ได้รีโนเวทใหม่แล้ว ทาง La Samaritaine ก็ได้รีแบรนด์ใหม่ให้เป็น Samaritaine อีกด้วย จากฟอนท์คลาสสิกเปลี่ยนโลโก้ทันสมัยที่นำเอารายละเอียดของโครงเหล็กอันเป็นเอกลักษณ์มาใช้กับโลโก้ใหม่ได้อย่างมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ ในส่วนของสถาปัตยกรรมนั้นห้างสรรพสินค้าที่ถูกฟื้นให้กลับมามีชีวิตใหม่ ตลอดจนพื้นที่อื่นๆ ก็ยังถูกปรับให้เป็นออฟฟิศสุดทันสมัยไปจนถึงเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์สุดหรูอีกด้วย นับเป็นการปรับอาคารให้กลายเป็นอสังหาริมทรัพย์สารพัดประโยชน์ที่คุ้มค่าและสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว
Information
Samaritaine
Address: 9 Rue de la Monnaie, 75001, Paris
Website: www.dfs.com/en/samaritaine
Architect
SANAA: http://www.sanaa.co.jp/
References
ArchDaily, dezeen, LVMH, SRA Architectes, VOGUE Business
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!