The Standard, Bangkok Mahanakhon
โรงแรมที่สะท้อนเสน่ห์ความคึกคักของเมืองหลวง ผ่านสีสันสไตล์โมเดิร์นเรโทร

หากกล่าวถึง สีลม-สาทร แล้ว หลายคนคงนึกภาพย่านธุกิจที่คราคร่ำไปด้วยชาวออฟฟิศทั้งหลายที่ใช้ชีวิตที่นี่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หรือบางครั้งอาจถึงเช้าของอีกวัน เพราะย่านแห่งนี้รายล้อมด้วยแหล่งแฮงค์เอาท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และบาร์ตามตรอกซอกซอยมากมาย ทั้งยังเป็นทำเลที่ตั้งที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ทำให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ตลอดทั้งวันทั้งคืน และใจกลางย่านที่แสนคึกคักนี้เองเป็นที่ตั้งของ ‘คิงพาวเวอร์มหานคร’ ตึกสูงระฟ้ารูปทรงแปลกตาที่กลายเป็นแลนด์มาร์กของย่านไปแล้ว ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัวโรงแรมแห่งใหม่ที่ดึงเอาสีสันของ Modern Retro มาสร้างเป็นซิกเนเจอร์ของตนเองอย่าง The Standard, Bangkok Mahanakhon 

จุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล

The Standard เป็นแบรนด์โรงแรมสัญชาติอเมริกันรู้จักกันในฐานะผู้บุกเบิกธุรกิจโรงแรมที่มุ่งเน้นการออกแบบให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยการรวบรวมทุกกิจกรรมไว้ภายในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นที่พัก อาหาร ไนท์ไลฟ์ และแหล่งรวมกิจกรรมแฮงค์เอาท์อื่นๆ อีกมากมาย 

และ The Standard, Bangkok Mahanakhon ก็เป็น Flagship แห่งแรกของแบรนด์ The Standard ในเอเชีย ที่จะกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ที่มารับหน้าที่ออกแบบตกแต่งภายในครั้งนี้ คือ Jaime Hayon ผู้ที่เป็นทั้งนักออกแบบและศิลปินชาวสเปน และทีมออกแบบจาก The Standard ทั้งสองทีมได้มาร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างภายใต้คอนเซ็ปต์การสะท้อนตัวตนของกรุงเทพฯ โดยหยิบยกความหลากหลายของศิลปะ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชาวบางกอกมาผสานกับดีไซน์โมเดิร์น ผ่านสีสันและรูปทรงโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของ Jaime Hayon พร้อมกับสอดแทรกงานศิลปะไปกับงานออกแบบภายในอย่างลงตัว เพื่อสร้างประสบการณ์ของแต่ละสเปซที่แตกต่างกันไป ชวนให้เรามาสัมผัสผ่านรูป รส กลิ่น เสียง

ต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรม

ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปเยือนโรงแรมแห่งนี้ เราจะสัมผัสได้ถึงแพชชั่นของนักออกแบบ ผ่านงานศิลปะที่ผสานไปกับดีไซน์ตั้งพื้นจรดเพดาน อย่างลวดลายภาพวาด Portrait ของคู่รักบนพื้นที่ดูอ่อนช้อย เมื่อจับคู่กับผนังสีเขียวเข้มและเฟอร์นิเจอร์วินเทจหลากสีแล้ว ยิ่งทำให้พื้นที่ล็อบบี้ดูมีมิติมากกว่าเดิม โดยมีพระเอกเป็นโคมไฟหวายสานที่นักออกแบบตั้งใจนำวัสดุท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้เป็นตัวชูโรงให้สเปซโดดเด่นยิ่งขึ้น อีกหนึ่งศิลปะที่เป็นจุดเด่นของที่นี่คือ ‘The Box’ เป็นงาน Installation ที่จัดแสดงภายในกล่อง ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโรงแรมแห่งแรกของแบรนด์ โดย The Box จะนำงานศิลปะมาจัดแสดงหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามแต่ละไตรมาสให้เราชมกัน นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะชื่อดังอีกมากมายที่ถูกจัดวางตามมุมต่างๆ ของโรงแรม

แต่งแต้มสีสันให้วันพักผ่อนสบายๆ

แน่นอนว่าเมื่อเราไปพักผ่อนในโรงแรม ย่อมต้องการลองสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอ The Standard, Bangkok Mahanakhon เองก็ให้ความสำคัญกับการออกแบบห้องพักที่มี Layout และการใช้สีสันที่แตกต่างกันไป ราวกับว่าในแต่ละห้องเป็นเหมือนแกลอรี่แสดงงานศิลปะในรูปแบบสถาปัตยกรรม เมื่อเปลี่ยนห้องบรรยากาศก็เปลี่ยนตาม แต่สิ่งที่มีร่วมกันในทุกห้องพักคือ การใช้ฟอร์มสุดละมุนอย่างวงกลม วงรี และสี่เหลี่ยมลบมุม นำมาเป็นองค์ประกอบดีไซน์ต่างๆ แทบทุกมุมห้อง นอกจากนี้ยังมีการเปิดรับวิวทิศทัศน์ของย่านสีลม-สาทรให้เราได้เสพสุนทรียะการพักผ่อนใจกลางเมืองได้เต็มที่

Standard King ห้องพักมาตรฐานที่ไม่เหมือนใคร เพราะมีขนาดพื้นที่มากถึง 40 ตารางเมตร เมื่อเดินผ่านตัวโถงทางเดินมาแล้วจะพบกับพื้นที่เตียง มินิบาร์ และโซฟาที่วางเรียงตัวขนานกันกับหน้าต่างกระจกเต็มบาน สีเฟอร์นิเจอร์หลักที่ใช้ในห้องนี้จะเป็นสีโทนน้ำตาลอิฐ เมื่อตัดกับผนังสีขาว เสริมด้วยสีเขียวมาสร้างความคอนทราสต์เล็กน้อย ยิ่งทำให้ห้องนี้ดูอบอุ่นราวกับสีสันของฤดูใบไม้ร่วง

Deluxe King ในห้องนี้จะมีการวาง Layout ของฟังก์ชันแบ่งออกเป็นสัดส่วนชัดเจน ทั้งโซนเตียงนอน มุมนั่งเล่น มุม Closet หรือในห้องน้ำเองก็มีการกั้นโซนอ่างล้างหน้ากับโซนอาบน้ำชัดเจนเช่นกัน เหมาะกับแขกที่มากันเป็นครอบครัวหรือมากับกลุ่มเพื่อน

Corner King หากใครที่ติดใจ Layout ห้องแบบ Standard King แต่ต้องการพื้นที่ได้มากขึ้น ห้อง Corner King ก็สามารถตอบโจทย์ได้ดี โดยในห้องนี้มีการเปิดรับวิวเมืองสองด้าน เพื่อสร้างสุนทรียะในการดื่มด่ำบรรยากาศเมืองมากขึ้น และก็ยังคงความอบอุ่นของสีโทนน้ำตาลอิฐเช่นเดิม

Corner Double ห้องหัวมุมที่เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนกับเพื่อน ด้วยรูปแบบเตียงแฝดสองเตียงและขนาดห้องที่กว้างขวางพร้อมเปิดรับวิวเมืองรอบด้าน และนักออกแบบยังใช้สีสันโทนเย็นอย่างสีเขียวและสีน้ำเงินเข้ามาตัดกันกับสีโทนน้ำตาลอิฐเดิม จึงทำให้ห้องดูสนุก มีชีวิตชีวามากขึ้น

Suite Spot ห้องสวีทขนาดพื้นที่กว้างถึง 83 ตารางเมตร ที่แต่ละฟังก์ชันถูกจัดวางแยกสเปซกันอย่างเป็นสัดส่วนและมีขนาดกว้างขวางทุกสเปซ มีการปรับโทนสีที่ใช้เป็นสีกลางมากขึ้น ทำให้บรรยากาศห้องดูสุขุม เรียบง่าย แต่ยังคงความซุกซนด้วยการใช้เฟอร์นิเจอร์คู่สีตรงข้ามกันในบางจุด

Balcony Suite ในห้องนี้จะมี Layout ต่างจากห้อง Suite Spot เล็กน้อยและมีการใช้โทนสีกลางคล้ายกัน แต่มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือ มีพื้นที่ระเบียงให้เราสามารถไปนั่งรับแดดอุ่นๆ ในตอนเช้า พลางจิบกาแฟดีๆ ซักถ้วย

นอกจากนี้ยังมีห้องพักที่ยกระดับประสบการณ์พักผ่อนให้พิเศษราวกับอยู่ในอะพาร์ทเมนต์ อย่างห้อง Penthouse และ Bigger Penthouse ที่มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 105-144 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ใช้งานได้ถึง 8 คน มาพร้อมห้องครัวและฟังก์ชันอื่นๆ แบบจัดเต็ม

ลิ้มรสอาหาร 6 สไตล์ผ่านการออกแบบ 6 ดีไซน์

หากจะกล่าวว่า The Standard, Bangkok Mahanakhon เป็นศูนย์รวมแหล่งแฮงค์เอาท์ก็ไม่เกินจริงนัก เพราะที่นี่ได้รวบรวมห้องอาหารและบาร์หลากหลายสัญชาติมากถึง 6 ร้าน ในแต่ละร้านก็มีดีไซน์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนักออกแบบตั้งใจถ่ายทอดเรื่องราวของรสชาติอย่างลึกซึ้งผ่านการออกแบบที่กลมกล่อมลงตัว

The Parlor พื้นที่คอมมูนิตี้กลางโรงแรมที่สามารถมานั่งพูดคุยกันชิลๆ พร้อมเสิร์ฟของว่างเบาๆ แม้ผนังของโรงแรมจะเป็นสีเขียวที่ดึงดูดสายตาอยู่แล้ว แต่นักออกแบบก็เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สีแดงมาคอนทราสต์ เพื่อขับสเปซให้โดดเด่นและสะท้อนความเป็น Modern Retro ยิ่งขึ้น

Tease ห้องชาสุดแหวกแนวที่ชวนให้เรานึกถึงเวียนนาในยุค 20s ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากผลงานของ Joseph Hoffman สถาปนิกผู้บุกเบิกสถาปัตยกรรมแนว Modern Art Deco ในกรุงเวียนนา แม้นักออกแบบจะใช้สีสันมากมายในโรงแรม แต่ห้องชาแห่งนี้มีเพียงสีขาวและดำเท่านั้นที่ถูกนำมาผสานกับรูปทรงเรขาคณิตจนเกิดเป็นสเปซที่น่าจดจำ

The Standard Grill สเต็กเฮาส์สไตล์อเมริกันที่นำเสนอกลิ่นอายของนิวยอร์ค ผ่านการใช้ผนังกระเบื้องเล็กๆ คล้าย Subway Tile ที่มักถูกใช้กับสถานีใต้ดิน นอกจากนี้ยังมีใช้แสงสลัวๆ ช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าค้นหายิ่งขึ้น

Ojo ห้องอาหารสไตล์เม็กซิกันที่เสิร์ฟความเผ็ดร้อนของรสชาติพร้อมความสง่างามของวัสดุ เมื่อสีทองตัวแทนของความหรูหราผสานกับสีชมพูตัวแทนของความเป็นเม็กซิกัน เสริมด้วย Lighting Design ยิ่งทำให้ห้องอาหารแห่งนี้กลายเม็กซิโกแบบใหม่ที่หาได้ในเฉพาะกรุงเทพมหานครเท่านั้น

Mott 32 Bangkok ห้องอาหารจีนกวางตุ้งสไตล์โมเดิร์น ที่นำเอาเสน่ห์ของไม้และบานกระจกฝ้ามาตีกรอบเป็นแพทเทิร์นกริดสี่เหลี่ยมใช้กับช่องเปิดของอาคารไปจนถึงการตกแต่งฝ้าเพดาน สะท้อนกลิ่นอายเรโทรแบบจีนๆ ชัดเจน

Sky Beach รูฟท็อปบาร์ที่นักออกแบบได้นำความสนุกสนานของสีเหลืองมาเป็นตัวจุดบรรยากาศ นอกจากความพิเศษของFaçade บาร์แล้ว ยังมีพื้นที่นั่งแบบ Amphitheater ให้เราได้นั่งเสพบรรยากาศของเมืองรอบๆ ได้ 360 องศาอีกด้วย

หนีความวุ่นวายในเมือง มาทำกิจกรรมตามใจเรา

นอกจากห้องอาหารและบาร์แล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกมากมายชวนทุกคนให้มาลองทำ อย่าง The Pool สระว่ายน้ำท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ใช้ไม้พุ่มเป็นฉากกั้นความวุ่นวายของเมือง, The Standard Gym ยิมที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ สามารถมาออกกำลังกายพลางชมวิวเมืองได้ตลอด 24 ชั่วโมง, Meeting Rooms ห้องประชุมที่รองรับการจัดงานหลากหลายรูปแบบ จุผู้ใช้งานได้มากสุด 80 ที่นั่ง และ The Shop ร้านดีไซน์สุดจัดจ้านที่รวบรวมของแฮนด์เมดส่งตรงจากแบรนด์ The Standard และจากศิลปินไทย

ไม่บ่อยนักที่เราจะเห็นงานออกแบบที่กล้าใช้สีสัน ลวดลาย และศิลปะในงานสถาปัตยกรรมแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะโรงแรมและรีสอร์ตในยุคนี้ แต่ด้วยความตั้งใจของ Jaime Hayon และทีมออกแบบจาก The Standard จึงกลายมาเป็นงานออกแบบที่ดูมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์น่าดึงดูด ในขณะเดียวกันก็สะท้อนตัวตนของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัวเช่นนี้

สำหรับใครที่อยากลองเปิดประสบการณ์พักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศ Modern Retro พร้อมชิมอาหารจากทั่วทุกมุมโลก พลางจิบไวน์ดื่มด่ำกับสีสันของกรุงเทพฯ ทั้งยามกลางวันและยามค่ำคืน สามารถมาลองได้ที่โรงแรมแห่งใหม่ในตึกมหานครแห่งนี้ได้เลย

Writer
Nara Aunjai

Nara Aunjai

อดีตนักเรียนสถาปัตย์ที่ดำรงอาชีพนักเขียนเป็นงานหลัก นักแปลเป็นงานรอง และรับออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมเป็นงานพาร์ทไทม์