ยุคสมัยนี้แนวโน้มโลกและแฟชั่นเปลี่ยนไปไวจนแทบไม่ทันตั้งตัว เป็นการบีบบังคับทางอ้อมให้เราต้องออกไปซื้อหาสิ่งใหม่ ๆ ซึ่งในขณะเดียวกัน สิ่งของเก่าๆ ในบ้านที่เรามีนั้นก็มากเกินความต้องการ การทิ้ง การให้ การขาย หรือบริจาค จึงเป็นทางออกหนึ่งที่มาจัดการกับสิ่งของเหล่านี้ และในปัจจุบันกระแสสังคมที่ให้ความสำคัญกับการแบ่งปันก็มีมากขึ้น เพิ่มโอกาสการก้าวสู่การแบ่งปันกันในสังคมอย่างยั่งยืน
“เริ่มต้นจากตนเองและครอบครัวให้ความสำคัญกับการทิ้งสิ่งของให้มีประโยชน์สูงสุดเสมอ เด็ก ๆ ผมได้มีโอกาสไปที่โรงงานรีไซเคิล และมูลนิธิหลายแห่งเพื่อบริจาคสิ่งของ พอโตขึ้นมาจึงมีความสนใจในเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อม เรามองเห็นแพล็ตฟอร์มห้างรีไซเคิลในประเทศที่เจริญแล้ว มันสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เราจึงกลับมามองว่าโครงการรูปแบบนี้ก็น่าจะสามารถปรับให้เข้ากับบริบทของประเทศไทยได้ จึงเป็นที่มาของโครงการวิทยานิพนธ์ Rejectory Circular Mall (ห้างสรรพสินค้าหมุนเวียน) ที่หวังจะเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ในการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สังคมไทยตระหนักถึงพฤติกรรมการบริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น” ตรัยวิศว์ พงษ์บูรณกิจ นักศึกษาเจ้าของผลงานวิทยานิพนธ์
ห้างสรรพสินค้าหมุนเวียนคืออะไร ?
แล้วห้างสรรพสินค้าหมุนเวียนคืออะไร?
อธิบายง่ายๆ ก็คือ ศูนย์รวมสรรพสินค้าที่ปฏิวัติการช้อปปิงสู่ยุคเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยพลิกจากบทบาทเดิมของผู้บริโภค ที่เป็นผู้ซื้อเพียงอย่างเดียวเปลี่ยนมาเป็นได้ทั้งผู้ให้และผู้ซื้อ หรือผู้ปรับปรุงสิ่งของ เพื่อให้เกิดห่วงโซ่ที่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมตามระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (ซึ่งตรงกับ Sustainable Development Goals ที่มีเป้าหมายเพื่อขจัดความยากจนให้หมดไป พร้อม กับดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกคนและทุกที่บนโลก)
“ผู้คนที่มา Rejectory จะไม่ใช่เพียงซื้อสิ่งของแล้วนำกลับไปเท่านั้น แต่เราพยายามสร้างค่านิยมให้ผู้คนที่มามีส่วนร่วมในการปรับปรุงสิ่งของต่างๆ และได้เห็นคุณค่าของทุกๆ วัสดุ ผูกพันกับสิ่งที่ตนเองได้มีส่วนร่วมในการชุบชีวิตกลับขึ้นมา ทำให้สิ่งของที่เสร็จกลับไปมีความหมาย”
Rejectory Circular Mall ( Reject + Factory )
Rejectory ไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่สถานที่ แต่เป็นทั้งความเชื่อ และพฤติกรรมในการสร้างค่านิยมใหม่ให้การบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ โดยจะมีแต้มสำหรับใช้ภายในโครงการหลังจากที่ได้ทิ้งอะไรบางอย่าง โดยมีวัฒนธรรมในการบริโภคที่ต่างออกไปผู้คนไม่ได้เข้ามาเพื่อซื้อสิ่งของและกลับออกไป แต่มาเพื่อทิ้งหรือ ซ่อมอะไรบางอย่าง และสร้างสังคมของเศรษฐกิจหมุนเวียนไปด้วยกัน
นำเสนอผ่านตลาดนัดจตุจักร ซึ่งเป็นแหล่งสินค้าทั้งมือหนึ่งและมือสองที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ เสน่ห์ของจตุจักร คือ การเป็นตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 15-16 ปี ไปจนถึงวัย 60 ปีขึ้นไป ราคาสินค้าก็มีตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักหมื่น ที่สำคัญสินค้าในแต่ละประเภทมีมากมายให้เลือกแถมราคายังต่อรองได้ ดึงดูดกลุ่มคนที่ชื่นชอบการช้อปปิงเพื่อสร้างวัฒนธรรมการให้สิ่งของเหลือใช้และการนำกลับมาใช้ใหม่
Rejectory จึงเป็นห้างสรรพสินค้าที่ดึงอัตลักษณ์จากบริบทต่างๆ ของพื้นที่ออกมาเป็น 3 องค์ประกอบ คือ Factory , Circular และ Jatujak ผสมผสานเป็นเอกลักษณ์ของโครงการที่ดึงความพิเศษมาจากพื้นที่จตุจักรซึ่งมีความเฉพาะตัวสูง
โดย Circular Mall มีบทบาทที่จะช่วยหมุนเวียนทรัพยากรต่าง ๆ ระหว่างผู้ประกอบการ และ ผู้บริโภค โดยที่เป็นตัวกลางในการนำเศรษฐกิจหมุนเวียนเข้ามาทำให้การซื้อขายสินค้าของจตุจักรกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ยั่งยืน และยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยอีกด้วย
ชุบชีวิตพื้นที่จตุจักร
เดิม ตัวอาคารคือ JJ OUTLET ที่มีโครงสร้างอาคารเป็นระบบเสาและคานเหล็ก สูงทั้งหมด 4 ชั้น และมีพื้นที่ต่อชั้นประมาณ 8,322 ตรม. ตั้งอยู่บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตลาดนัดจตุจักร โดยตัวอาคารเป็นลักษณะยาว ตั้งเลียบขนานไปกับถนนกำแพงเพชร 2 ในทิศขวางตะวัน
การออกแบบภายนอกอาคารได้แรงบันดาลใจมาจากหอนาฬิกาของจตุจักรที่เปรียบเสมือนแลนด์มาร์ค เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์และเป็นจุดถ่ายรูป อีกทั้งยังเป็นจุดนัดพบของใครหลาย ๆ คน ด้วยความที่หอนาฬิกาตั้งอยู่ใจกลางของตลาด
ตัวอาคารเดิมมีทั้งหมด 4 ชั้น ซึ่งโครงการเปิดให้ลูกค้าเข้าได้เพียง 3 ชั้น ส่วนชั้น 4 เป็นพื้นที่สำหรับ STAFF และบริเวณชั้น 1-2 เป็นพื้นที่การขาย ส่วนชั้น 3 เป็นโซนสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยชั้น 1 -2 จะเชื่อมต่อกันในลักษณะ Open Plan ที่มีบันไดวนหลักอยู่บริเวณใจกลางเชื่อมต่อกันทั้ง 3 ชั้น และมีบันไดย่อยอยู่ทางปีกซ้ายและปีกขวา โดยชั้นล่างแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ปีก และมีพื้นที่ตรงกลางเชื่อมต่อผ่านโถงทางเดิน ซึ่งบริเวณปีกซ้ายจะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีชั้นบนเป็นคาเฟ่ ส่วนบริเวณปีกขวาเป็นโชว์เคสที่มีพื้นที่ด้านบนเป็นโชว์รูม ส่วนพื้นที่ตรงกลางที่เหลือสามารถมานั่งพักคอยหรือจัดแสดงสินค้าได้ ส่วนชั้น 3 มีใจกลางเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการหมุนเวียน ก่อนจะแยกไปที่ฝั่งซ้ายซึ่งเป็น Co-Working และห้องสมุด ในขณะที่ฝั่งขวาเป็น Workshop Studio และ Material Room
พลาซาบริเวณใจกลางได้แนวคิดมาจากกลไกของนาฬิกาที่เก็บพลังงานจากการเคลื่อนไหวมาขับเคลื่อนเข็มนาฬิกา จึงออกแบบให้มีบันไดหลักเพียงอันเดียวอยู่ตรงกลาง ก่อนจะกระจายผู้คนออกจากศูนย์กลางบริเวณชั้น 2 ในลักษณะการเดินเป็นวงกลม
เมื่อเป็นการออกแบบอาคารใหญ่ ส่วนมากเรามักจะเห็นเอกลักษณ์บางอย่างของการออกแบบเพื่อให้สถานที่แห่งนั้นเป็นที่จดจำได้ สำหรับ Rejectory เองก็มี Kinetic Art วงกลมขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการเดินมาเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ใช้ในการหมุนงานศิลปะชิ้นนี้ ซึ่งการหมุนยังสะท้อนไปถึงแนวคิดหลักของแบรนด์ ซึ่งเป็นการทำซ้ำหรือการรีไซเคิลนั่นเอง
ในส่วนต่าง ๆ ยังมีการนำเอกลักษณ์ของตลาดจตุจักรเดิมมาใช้ในการออกแบบ โดยดึงเอา Sense of Place จากทางเดินในตลาดนัดจตุจักรออกมา ไม่ว่าจะเป็นหลังคาที่แสงแดดทอดตัวลงมาและมีสองข้างทางเป็นร้านค้า ร่ม เต้นท์ ป้ายร้าน ป้ายบอกโซน และ KIOSK ต่างๆ ที่สามารถพบเห็นได้ในตลาดนัดจตุจักร
Market Corridor ถูกออกแบบให้มีจุดรับทิ้งสิ่งของใช้แล้วซึ่งจะนำไปส่งกระบวนการรีไซเคิลทั้งหมด 5 ประเภท คือ กระดาษ พลาสติก โลหะ แก้ว และขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ใช้งานจะได้รับคะแนนในการนำไปซื้อสินค้า และบริการต่างๆ ได้ในโครงการ
สำหรับของชิ้นใหญ่อย่างเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าต่าง ๆ ก็มีจุดรับทิ้งสิ่งของเหลือใช้จากทางรถเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ขับรถมา
การออกแบบเชิงหมุนเวียน (Circular Design) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทั้ง 2 อย่างนี้ต่างก็เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เราไม่สามารถพูดถึงเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยปราศจากการพูดถึงงานดีไซน์ได้ ด้วยเหตุนี้ วัสดุที่ใช้ในโครงการจึงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม หนึ่งคือ JATUJAK MATERIALS ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจตุจักร สอง คือ SCRAP MATERIALS หรือเศษวัสดุต่าง ๆ เช่น เศษเหล็กจากการก่อสร้าง เศษไม้พาเลท ตอบโจทย์แนวคิดการออกแบบเชิงหมุนเวียน เพื่อให้ทรัพยากรเหลือใช้ไม่กลายเป็นขยะ ตรงกันข้าม อาจกลายมาเป็นสมบัติอันมีค่าสำหรับใครบางคนก็เป็นได้
ภายในอาคารยังมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการในจตุจักรที่จะสามารถมานั่งคุยงาน หาข้อมูลในการพัฒนาสินค้าของตนเอง เพื่อ สนับสนุนการขยายตลาดออนไลน์ และยังสามารถนำวัสดุต่างๆ ที่เหลือใช้มาแลกเปลี่ยนเป็นวัสดุที่สามารถนำไปใช้ได้ใหม่
รวมถึงมีพื้นที่แสดงความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งของเหลือใช้ต่างๆ เริ่มจากห้องเก็บเศษวัสดุของเหลือใช้ และพื้นที่สตูดิโอซึ่งเปิดให้ผู้คนสามารถมาใช้งานเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะต่างๆ และยังนำไปวางแสดงโชว์ในพื้นที่แสดงนิทรรศการได้อีกด้วย
วิทยานิพนธ์โดย
ตรัยวิศว์ พงษ์บูรณกิจ
คณะมัณฑนศิลป์ สาขาออกแบบตกแต่งภายใน
หลักสูตรศิลปบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร
มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีการศึกษา 2564
(รางวัลรองชนะเลิศ TIDA Thesis Awards 2021 สาขา Interior Design)
Email : traivisiii@gmail.com
อาจารย์ที่ปรึกษา : ผศ.ชัยณรงค์ อริยะประเสริฐ
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!