ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรืออาคาร การเลือกใช้วัสดุให้ถูกใจกับความต้องการของเจ้าของบ้านและอาคาร หรือตอบโจทย์การใช้งานของสถาปนิกล้วนเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ จากอดีตที่วัสดุในการก่อสร้างงานสถาปัตยกรรมมักเป็นวัสดุจริงจากธรรมชาติ ซึ่งมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องคุณสมบัติความคงทน น้ำหนัก ความหายาก ไปจนถึงลวดลายสีสัน ทำให้การสร้างสรรค์ผลงานไม่สามารถต่อยอดได้หลากหลาย แต่ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ทำให้มีการพัฒนาวัสดุทดแทนมากขึ้น จนทลายข้อจำกัดและกลายเป็นทางเลือกที่สถาปนิกให้ความนิยมขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับ SCG D’COR เอง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านวัสดุก่อสร้างมาอย่างยาวนาน ก็ได้มีการออกแบบวัสดุทดแทนที่หลากหลาย เพื่อให้ตอบรับกับงานดีไซน์ใหม่ๆ ได้อย่างลงตัวยิ่งขึ้น วันนี้เราจึงรวบรวม 5 โปรเจกต์งานออกแบบสถาปัตยกรรม ของสถาปนิกชาวไทยที่รังสรรค์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมีวัสดุทดแทนจาก SCG D’COR เป็นส่วนเติมเต็มให้งานสมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาแนวทางการออกแบบ และเลือกใช้วัสดุให้เหมาะสม ลองไปดูทั้ง 5 โปรเจกต์นี้กันเลย!
สวนสวยสไตล์ Modern Japanese Tropical
เริ่มต้นกันที่งานออกแบบสตูดิโอและคาเฟ่ ที่สะท้อนถึงการผสานวัฒนธรรมญี่ปุ่น กับภูมิประเทศแบบไทยไว้ได้อย่างลงตัว กับ “Ai Garden Cafe & Studio” ผลงานการออกแบบของ The Prime Real Estate ที่หยิบเอาโจทย์หลักในการเป็นสตูดิโอ ซึ่งต้องมีฟังก์ชันการใช้งานเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบ ไปพร้อม ๆ กับการเลือกใช้วัสดุที่ตอบรับกับความต้องการ โดยเฉพาะเมื่อพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่กลางแจ้ง การเลือกใช้วัสดุต่าง ๆ จึงต้องมีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมและด้วย
โดยสถาปนิกจาก The Prime Real Estate ได้กล่าวถึงไอเดียการเลือกใช้วัสดุตกแต่งไว้ว่า “เมื่อเราตกลงแล้วว่า โจทย์การออกแบบของโปรเจกต์นี้จะเน้นงานไม้เป็นหลัก เราเลยต้องคงภาพรวมแม้แต่สิ่งปลูกสร้างภายนอกให้มี Mood & Tone เดียวกัน ทางทีมเลยเลือกใช้วัสดุทดแทนไม้ในส่วนของอาคารที่เชื่อมต่อกับคาเฟ่ โดยเลือกใช้ผนังสมาร์ทบอร์ด SCG D’COR Rustic ที่เหมาะกับการใช้งานภายนอกมาทำฝ้าเพดาน และใช้วัสดุตกแต่งพื้น SCG D’COR Basic วัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์มาดัดแปลงโดยใช้หุ้มเสาปูนให้ได้ลุคแบบไม้ แต่คงทนเมื่อเจอแดดและฝน”
สำหรับผนังสมาร์ทบอร์ด SCG D’COR Rustic นั้นสามารถช่วยเติมเต็มรูปลักษณ์ของบ้านให้ลงตัว ด้วยดีไซน์ขอบแผ่นลบมุม ให้รอยต่อเว้นร่องสวยเนียน มีมิติยิ่งขึ้น และยังมีลายเสี้ยนไม้เสมือนจริง ทาสีแล้วยังเห็นลายไม้ชัดเจน ส่วนไม้พื้นตกแต่ง SCG D’COR Basic มีความสวยทนทาน ทุกสภาพอากาศ เป็นธรรมชาติแต่คงทนเมื่อเจอแดดและฝน ทั้งยังดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องปลวกและเชื้อรา
โรงแรมริมทะเลที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
เพราะพื้นที่ดั้งเดิมก่อนจะมาเป็นโรงแรม ‘Hyatt Regency Koh Samui’ นั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 70 ปี ทำให้โจทย์หลักคือการอนุรักษ์ธรรมชาติเหล่านี้ไว้ให้ได้มากที่สุด ทางทีม OBA ผู้ออกแบบจึงพยายามสอดแทรกสิ่งปลูกสร้างเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ โดยพยายามไม่รบกวนต้นไม้ใหญ่ แต่ชูธรรมชาติโดยรอบให้กลายมาเป็นงานศิลปะที่รอต้อนรับแขกผู้มาเยือน ด้วยคอนเซปต์ “Vacation Gallery” และยังให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ดีต่อทั้งแขกผู้มาเยือน ที่มองหาพื้นที่พักผ่อนที่ดีเยี่ยมไปพร้อม ๆ กัน
แน่นอนว่าสิ่งปลูกสร้างริมทะเลนั้นมีโอกาสถูกกัดกร่อนได้ง่าย ทั้งจากลม แสงแดด และไอทะเล ทีมสถาปนิกจาก OBA จึงแนะนำเทคนิคการเลือกวัสดุสำหรับสิ่งปลูกสร้างริมทะเล ดังนี้
“OBA ได้ออกแบบ Texture ส่วนต่าง ๆ ให้มีความเป็นธรรมชาติ เพื่อสร้างความนุ่มนวลและผ่อนคลายตลอดระยะเวลาที่เข้าพัก และยังพยายามทำให้ฟังก์ชันการใช้งานเต็มไปด้วยสะดวก มีการจัดการที่ง่าย และสามารถปรับปรุงซ่อมแซมได้ง่าย เพราะโรงแรมอยู่ริมทะเล เลยมีโอกาสถูกกัดกร่อนได้มากกว่าตึกในเมือง เราเลยเลือกวัสดุที่มีความคงทนและดูแลง่าย เพื่อลดภาระของการดูแลรักษาโรงแรมด้วย อย่างเช่นฟาซาดของห้องพัก เราก็เลือกใช้ ผนังตกแต่ง SCG D’COR Modeena มาเป็นวัสดุทดแทนที่ดูแลง่าย และมีแพทเทิร์นในตัวที่น่าสนใจ ซึ่งการใช้วัสดุทดแทนแบบสำเร็จช่วยในการเก็บงานให้เรียบร้อยสวยงามโดยง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องฝีมือช่างอีกด้วย”
ผนังตกแต่ง SCG D’COR Modeena ดีไซน์สวย ที่หน้าตัดมีความตื้นลึกในแผ่นเดียว ทำให้ดูมีมิติ โดดเด่น แปลกใหม่ และสามารถสร้างเอกลักษณ์ของงานได้หลากหลายรูปแบบ เหมาะกับการใช้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพราะทนทาน ทนแดด ทนฝน และที่สำคัญคือสามารถทำสีได้ตามต้องการ ช่วยให้ภาพรวมดูนุ่มนวลขึ้น ไม่แข็งเกินไป ได้อารมณ์แบบไม้ แต่ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากเป็นวัสดุสำเร็จรูป จึงใช้งานได้ง่าย ควบคุมคุณภาพได้ดี
เรือนรับรองร่วมสมัย พื้นที่ผ่อนคลาย ใกล้ชิดธรรมชาติ
วิถีชีวิตแบบ New Normal ทำให้พื้นที่ของบ้านมีความหมายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่พักผ่อนสำหรับทุกคนในครอบครัว เช่นเดียวกับเรือนรับรองร่วมสมัย ที่เราพาทุกคนมารู้จักกันในวันนี้ กับผลงานการออกแบบของสถาปนิกจาก “Design in Vitro” เจ้าของบ้านยังต้องการให้ตัวอาคารกลมกลืนกับชุมชนเก่าโดยรอบ ไปพร้อมๆ กับการเชื่อมต่อกับบ้านหลังใหม่ที่กำลังจะปลูกในไม่ช้า ผลงานที่ออกมาจึงเป็นเรือนรับรองร่วมสมัย ที่ให้กลิ่นอายอันอบอุ่นด้วยวัสดุทดแทนไม้อย่าง SCG D’COR Wood-D ซึ่งช่วยสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ แต่ยังดูแลได้ง่าย
เรือนรับรองแห่งนี้ได้รับการออกแบบคุณปริญญา ณรงค์ธนรัฐ สถาปนิก/ภูมิสถาปนิก และ คุณเจษฎ์สุภา พิพัฒนสุภรณ์ สถาปนิกตกแต่งภายใน จาก Design in Vitro เนื่องจากเรือนรับรองนี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้านหลักที่มีการใช้งานเป็นประจำ ผู้ออกแบบจึงมีการเลือกใช้วัสดุทดแทน มาตกแต่งตามจุดต่างๆ ของเรือนหลังนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาการเสื่อมสภาพของวัสดุ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว โดยเลือกใช้วัสดุตกแต่งฝ้าฝืนใหญ่ผืนเดียวทั้งหมดด้วย SCG D’COR Wood-D รุ่นที่สั่งทำพิเศษ ให้มีการเซาะร่องตรงกลางแผ่น ทำให้ขนาดของแผ่นฝ้าดูเล็กลง ส่งผลให้พื้นที่ภายในห้องดูกว้างขึ้น ส่วนสีนั้นถูกทำสำเร็จด้วยเทคโนโลยี Digital Printing จึงง่ายต่อการคุมคุณภาพงาน
บ้านที่บอกเล่าเรื่องราว Infinity ด้วยเส้นสายอันสวยงาม
“Infinity House” ผลงานการออกแบบของ A49HD ถูกถ่ายทอดด้วยสัญลักษณ์โค้งเป็นเกลียวที่ไร้จุดเริ่มต้นและจุดจบ ซึ่งสื่อถึงความเป็นนิรันดร์ไร้ที่สิ้นสุด สอดคล้องกับโจทย์ในการออกแบบซึ่งก็คือ “Infinity” ซึ่งนอกจากการดีไซน์ที่สะท้อนความไม่สิ้นสุดแล้ว ฟังก์ชันการใช้งานยังตอบรับกับความต้องการของเจ้าของบ้าน ที่เน้นความเป็นสัดส่วน เพื่อการอยู่อาศัยอย่างลงตัวของสมาชิกทุกคน Infinity House จึงเป็นเสมือนงานศิลปะชิ้นใหญ่ที่วาดลวดลายและเส้นสายได้ดึงดูดสายตาของทุกคน
เมื่อบ้านมีคอนเซปต์เรื่องเส้นสายและดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ปัจจัยเรื่องฝีมือช่างจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทีม A49HD จึงลดปัญหาดังกล่าว ด้วยการเลือกวัสดุปิดผิวอาคารที่เหมาะสม โดยเล่าถึงขั้นตอนนี้ว่า “ทางเจ้าของบ้านเห็นว่า งานก่อสร้างที่ต้องอาศัยฝีมือช่างในตอนนี้ค่อนข้างควบคุมคุณภาพยากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น อะไรที่เลี่ยงการใช้ฝีมือช่างได้ก็อยากจะเลี่ยง อย่างเช่น ผนังฉาบปูนเรียบ ก็หวังพึ่งฝีมือช่างให้เรียบ เนี้ยบ ไร้ปัญหารอยแตกคงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกส่วนจึงอยากใช้วัสดุกรุผนังให้ได้มากที่สุด จึงมีการเลือกใช้งาน Dry Process ประเภทวัสดุปิดผิวอาคาร เพราะเป็นวัสดุที่ราคาเหมาะสมและยังให้ความสวยงามตามแบบที่วางไว้”
วัสดุปิดผนังที่ใช้ใน Infinity House ส่วนหนึ่งคือผนังตกแต่ง SCG D’COR Modeena ที่สร้างมุมมองของเส้นสายให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น ด้วยเส้นสายเซาะร่องที่มีมิติโดดเด่นเป็นเส้นตรงยาวต่อเนื่อง เพิ่มเสน่ห์ให้ตัวบ้านสวยมีมิติดึงดูดสายตา ทั้งยังสะดวกต่อการติดตั้งใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาที่ง่าย ด้วยข้อจำกัดน้อยกว่าวัสดุจากธรรมชาติ จึงเป็นทางเลือกใหม่ของงานสถาปัตยกรรมในปัจจุบันอย่างมาก
คลินิกความงาม-สตูดิโอที่สร้างเอกลักษณ์บนผนังด้วย “ลอน”
ภาพคลินิกดูแลเรื่องความงามที่มีสีน้ำตาลอิฐ กับความโดดเด่นด้วยพื้นผิวภายนอกแบบลอนโค้ง นั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหราอยู่ในตัว ส่วนสถานที่อีกแห่งหนึ่งเป็นที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นสตูดิโอถ่ายภาพสไตล์มินิมอล แต่ความโดดเด่นด้วยผิวลอนโค้งที่ประดับอยู่บนผนังภายนอกกลับดึงดูดสายตาไม่ต่างกัน ผลงานการตกแต่งสถานที่ทั้งสองแห่งในเมืองเชียงใหม่นี้ คือฝีมือของ “pommballstudio” ซึ่งมีลูกเล่นที่สะท้อนสไตล์การออกแบบ ด้วยการใช้ “ลอน” สร้างเอกลักษณ์ให้กับผนังภายนอก
“สำหรับ Dr. Alex Aesthetic Clinic เป็นงานรีโนเวต ต่อเติมจากเฟสอินทีเรีย จึงพยายามปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้น้อย แต่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ด้วยการตกแต่งผิวอาคารเป็นลอนคลื่น ดูแปลกตาด้วยวัสดุตกแต่ง SCG D’COR Trim สีน้ำตาลอิฐ สีเดียวกับพื้นผิวภายนอกอื่น ๆ ส่วน Introvert Studio เป็นการออกแบบใหม่โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการเป็นสตูดิโอถ่ายรูป จึงต้องการพื้นผิวผนังและมุมที่แตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ใช้งานได้สร้างสรรค์มุมมองที่หลากหลาย แต่ยังคลุมโทนด้วยสไตล์มินิมอล และสีหลักเป็นสีขาวและสีปูน โดยเลือกใช้ SCG D’COR Trim เช่นกัน เพราะให้พื้นผิวลูกเล่นแบบลอนใหญ่ ที่สำคัญคือเมื่อใช้ติดตั้งภายนอกจะกระทบกับแสง เกิดเฉดเงาที่ดูสวยงาม ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักในการเลือกใช้วัสดุนี้” ทีมนักออกแบบจาก pommballstudio กล่าว
SCG D’COR Trim ได้รับการออกแบบให้ด้านนอกเป็นเหลี่ยมแต่ด้านในเป็นลอนเว้าครึ่งวงกลมเพื่อลดน้ำหนักให้เบา ด้วยเทคโนโลยี X-Trusion ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ SCG จึงขึ้นรูปได้มิติที่เด่นชัดและรูปทรงที่ไม่เหมือนใคร วัสดุเป็นเนื้อเดียวกันตลอดทั้งแผ่น มีความแข็งแรงทนทาน ทนแดด ทนฝน ทนปลวก และยังติดง่ายด้วยพุกสกรู ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว นักออกแบบจึงไม่ได้ใช้แค่ทดแทนบัวคอนกรีตหรือบัวปูนปั้น แต่ยังสร้างสรรค์ด้วยการนำ SCG D’COR Trim มาตกแต่งผนังโดยนำด้านเว้าหันออกด้านนอกแล้วติดเรียงกันไป ได้มิติที่แปลกตายิ่งขึ้น
บ้านที่ตอบโจทย์ทั้งความอบอุ่นและฟังก์ชันในการอยู่อาศัย
เมื่อสมาชิกทั้ง 9 ท่าน 3 เจนเนอเรชัน 2 ครอบครัวต้องมาอยู่อาศัยร่วมกันภายในขอบเขตของที่ดินเพียง 103 ตารางวา พื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนกลางของครอบครัวจึงกลายเป็นโจทย์สำคัญของบ้าน “Full House”ภายใต้การดูแลจาก WARchitect โดยภาพรวมในการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งหมดจึงเน้นไปทางโคซี่ อบอุ่น มีความอ่อนโยนและปลอดภัยกับเด็กและผู้สูงอายุ ถ้าหากมองจากด้านหน้าจะเห็นว่าตัวอาคารจะถูกร้อยเรียงรวมกันด้วยหลังคาจั่ว 3 จั่ว โดยทั้งอาคาร 2 ชั้นและ 3 ชั้น ที่ถึงแม้จะดูกลมกลืนเป็นหลังเดียวกัน แต่ฟังก์ชันภายในบ้านนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองหลังอย่างชัดเจน เพื่อให้ตอบรับกับการอยู่อาศัย และมีรั้วสีขาวล้อมรอบเป็นอาณาเขตของบ้าน
สำหรับโจทย์หลักในการตกแต่งผนังภายนอกให้มีความพิเศษในงบประมาณที่เหมาะสม ทาง WARchitect ได้เล่าถึงการตีโจทย์นี้ไว้ว่า “พูดถึงการตกแต่งผนังภายนอก สมมติว่าเรามีผนังอยู่ระนาบหนึ่ง เราจะใช้วัสดุอะไรดี? ถ้าเรามีงบประมาณหลักร้อยปลาย ๆ ถึงหลักพันต้น ๆ ผมว่าตัวเลือกอาจจะเหลือไม่เยอะ อาจจะเป็นสีพ่น หรือติดกระเบื้อง แต่มันก็จะเป็นการตกแต่งไปที่ผิวโดยตรง เกิดเป็นลวดลายแต่ไม่สามารถสร้างเท็กเจอร์หรือฟอร์มของผนังที่มีความนูนต่ำได้ ไฟเบอร์ซีเมนต์ก็เป็นกลุ่มวัสดุที่มาตอบโจทย์งานดีไซน์ตรงนี้ อีกทั้งราคาไม่แพง ติดตั้งง่าย และยังทำสีได้ง่าย เหมือนการทำสีผนังทั่ว ๆ ไป”
ดังนั้น บริเวณรั้วทึบภายนอกอาคาร สถาปนิกจึงเลือกใช้ไฟเบอร์ซีเมนต์ SCG D’COR Trim บัวผนัง มาตกแต่งโดยติดตั้งหันด้านเว้าออกสู่ถนน ด้วยลักษณะของวัสดุที่เป็นซี่ระแนงจึงสามารถติดตั้งให้โค้งไปตามผนังรั้วได้อย่างง่ายดาย และเมื่อถึงเวลาที่แสงแดดตกกระทบผนัง บัวผนังที่สร้างเท็กเจอร์นูนต่ำจะทำให้แสงเงาเปลี่ยนไป ส่วนซุ้มประตูจั่วบริเวณทางเข้าหลักของบ้าน ก็เติมความน่าสนใจ ด้วย SCG D’COR Modeena ไม้ตกแต่งผนังสีน้ำตาลธรรมชาติที่ช่วยสร้างพื้นผิว ลดทอนสเกลของบานประตูไม่ให้ดูใหญ่โต เทอะทะจนห่างไกลความเป็นบ้านไป ทำให้ดูโดดเด่นและก็ยังเชื่อมต่อกับส่วนอื่น ๆ อย่างลงตัว
ด้วยวัสดุและเท็กเจอร์ รวมถึงฟอร์มที่หลากหลาย ทำให้วัสดุทดแทนเหมาะกับการเป็นทางเลือกในการเติมเต็มความสวยงามให้งานผนังภายนอกอย่างยิ่ง และสำหรับผู้ที่สนใจการใช้วัสดุทดแทนเหล่านี้ ก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก SCG D’COR ได้ กับบริการ Service Solution แบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำปรึกษางานออกแบบ คัดสรรวัสดุโดยผู้เชี่ยวชาญด้าน Material Science หลากหลายประเภท เหมาะสมกับงานหลายรูปแบบ จนถึงรายละเอียดของการติดตั้ง พร้อมดูแลและรับประกันหลังการติดตั้ง ให้งานตกแต่ง เป็นเรื่องง่าย สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าอย่างสูงสุด
SCG D’COR Facade Solution : https://bit.ly/3HOyuQh
รับแบบ Façade Photo Book : https://bit.ly/3HTyVJ4
รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ: https://bit.ly/31bPW0h
ข้อมูลสินค้า SCG DCOR อื่นๆ : https://bit.ly/3G7YhRv
หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ SCG Contact Center โทร.02-586-2222
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!