พื้นที่สีเขียวและคุณภาพของสิ่งแวดล้อมที่ดีมีส่วนช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน โดยเฉพาะกับการใช้ชีวิตในมหานครที่รายล้อมด้วยอาคารสูง มลภาวะทางอากาศ และความยุ่งเหยิงสับสน ปัญหาทั้งหมดนี้ถูกแก้ไขผ่านแนวคิดการสร้างสรรค์โครงการ The Forestias (เดอะ ฟอเรสเทียส์) ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ด้วยการทำวิจัยอย่างเข้มข้น และความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับชีวิตประจำวัน พร้อมกันกับเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้คนผ่านทางการออกแบบสถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อม โครงการ The Forestias จึงมุ่งหวังจะเป็นปอดแห่งใหม่ท่ามกลางที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบสำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง
องค์ประกอบหลักของสถาปัตยกรรมที่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสภาพแวดล้อมที่สายตามองเห็นนั่นคือ หลังคา เพราะเป็นพื้นที่ผิวที่ทำหน้าที่ทั้งปกป้องผู้คนให้อยู่ภายในอาคารได้อย่างปลอดภัยจากสภาวะอากาศที่แปรปรวน ในขณะเดียวกันก็เป็นทัศนียภาพให้กับเมือง The Forestias จึงให้ความสำคัญกับงานออกแบบหลังคาสีเขียวให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศภายในโครงการ
จากงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ สู่การออกแบบอาคารยั่งยืน
อ้างอิงโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ค่าเฉลี่ยอัตราพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากรควรอยู่ที่ 9 ตารางเมตรต่อคนหรือมากกว่า ซึ่งในปัจจุบันมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 ตารางเมตรต่อคน The Forestias จึงร่วมมือกันกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ทั่วโลก ได้แก่ ที่ปรึกษาการออกแบบวางผังและงานสถาปัตยกรรม (Foster & Partners) การป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Atelier Ten) การสันทนาการเพื่อผู้อยู่อาศัย (ITEC Entertainment) โรงแรม (Six Senses) องค์กรการดูแลผู้สูงวัย (Baycrest) และทีมวิจัยการออกแบบพื้นที่กับผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจของมนุษย์ (คณะสาธารณสุข มหาวิทยาลัย Harvard จากสหรัฐอเมริกา) เพื่อสรรสร้างพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นมิตรกับชีวิตประจำวันของทุกคน
The Forestias Pavilion คือผลจากงานวิจัยที่ถ่ายทอดออกมาผ่านงานสถาปัตยกรรม ซึ่งออกแบบโดย Foster + Partners เพื่อมุ่งหวังให้อาคารแห่งนี้เป็นอาคารต้นแบบของโครงการ The Forestias ซึ่งครอบคลุมในทุกมิติของการออกแบบอาคารอย่างยั่งยืน (Sustainability Building) ควบคู่กับไปกับการออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ด้วยการเลือกใช้วัสดุโดยการค้นคว้าและวิจัยจาก RISC ตรวจคุณภาพและเอกสารรับรองตั้งแต่ระหว่างการคัดเลือกคู่ค้า เพื่อให้ความยั่งยืนก่อร่างตั้งแต่จุดเริ่มต้น
หลังคาสีเขียว กับการส่งเสริมสวัสดิภาพของผู้คน
Biophilic Design หรือการออกแบบที่ผสานสิ่งแวดล้อมเข้ากับชีวิตทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เป็นปรัชญาที่สำคัญของการดีไซน์โครงการ The Forestias Pavilion ด้วยการเน้นพื้นที่สีเขียวที่ช่วยส่งเสริมความสุขทุกด้านในชีวิตประจำวัน
หลังคา Green Roof ขนาดใหญ่แห่งแรกของเมืองไทยคือองค์ประกอบหลักทางสถาปัตยกรรมที่ท้าทายของ The Forestias Pavilion แห่งนี้ ด้วยข้อจำกัดทางวิศวกรรมต้องผนวกร่วมเข้ากับความสวยงามทางสถาปัตยกรรม อย่างความชันของหลังคาที่ 16 องศา น้ำหนักของหลังคา Green Roof ที่ต้องไม่เกิน 35kg/m2 ข้อจำกัดทั้งหมดอยู่นอกเหนือตำรามาตรฐาน FLL แบบฉีกทิ้ง ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อน
นั่นทำให้ทีมงานของ d.one ต้องออกแบบระบบหลังคา Green Roof ให้ทนทานต่อแรงพายุและแรงดึง Wind Uplift ซึ่งนับเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญ เพื่อให้งานออกแบบตอบโจทย์ครบทุกข้อทั้งเรื่องวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และสภาพแวดล้อม
หลังคา Green Roof ลดความร้อนด้วยการบริหารจัดการงานระบบ
ปกติแล้วอุณหภูมิหลังคาที่โดนแดดจะอยู่ที่ 50 องศาเซลเซียส แต่ระบบหลังคา Green Roof ช่วยลดปัญหาเรื่องเกาะความร้อน (Heat Island Effect) จึงช่วยลดอุณหภูมิหลังคาเหลือเพียงต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส ความร้อนจากแสงแดดจะทำให้ต้นไม้และดินคายความชื้นเป็นละอองน้ำออกมา (Evapotranpiration effect) ช่วยให้อุณหภูมิหลังคาและบริเวณโดยรอบลดลง
นอกจากนี้ โครงการ The Forestias ยังเป็นโครงการแรกในเมืองไทยที่ใช้ระบบการทำความเย็นรวม หรือ District Cooling System โดยระบบนี้จะลดความจำเป็นในการจัดสร้างห้องเครื่องทำน้ำเย็นและ Cooling Tower ส่งผลทำให้ภายในโครงการ The Forestias ไม่มีงานระบบที่ปล่อยความร้อนออกมา
จากการจัดการระบบเช่นนี้จึงสร้างภูมิอากาศขนาดย่อมหรือ Micro Climate ภายในโครงการ สังเกตได้จากความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างภายในและภายนอกโครงการได้มากถึง 5 องศาเซลเซียส รวมทั้งอาจจะได้เห็นหมอกจาง ๆ ช่วงเช้าภายในบริเวณโครงการอีกด้วย
ระบบทำความเย็นในโครงการที่ช่วยลดอุณหภูมิอากาศ
เราจะไม่เห็นภาพคอมเพรสเซอร์ของเครื่องปรับอากาศบริเวณระเบียงอย่างที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป เพราะที่โครงการ The Forestias จัดให้มีอาคารบริการและจัดการระบบวิศวกรรมทั้งหมดภายในโครงการ (อาคาร Central Utilities Plant หรือ CUP) ที่เป็นระบบ Centralized System ซึ่งคอยส่งความเย็นเหมือนกับเป็นเครื่องปรับอากาศให้ห้องพักอาศัยในทุกโครงการภายในบริเวณ
นี่นับเป็นการลดการสร้างความร้อนเพิ่มเติมให้กับสิ่งแวดล้อม ทำให้อุณหภูมิภายในโครงการจะลดลงจากภายนอก 2-3 องศาเซลเซียส และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศถึง 30,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 750,000 ต้น หรือปลูกป่าถึง 30,000 ไร่
ระบบหลังคาช่วยบริหารจัดการน้ำ
ระบบหลังคา Green Roof ยังช่วยในการบริหารจัดการน้ำภายในโครงการ ด้วยการช่วยลดน้ำฝนไหลนอง หรือ Stormwater Runoff จากหลังคา โดยพืชที่ปลูกอยู่บนหลังคาจะช่วยดูดซับน้ำและชะลอการไหลของน้ำฝน ช่วยลดภาระของระบบระบาย
ร่วมกับระบบหลังคา คือระบบจัดการบริหารการรดน้ำต้นไม้บนหลังคา ด้วย Intelligence Irrigation System ระบบรดน้ำจะเชื่อมต่อเพื่อรับข้อมูลจากสถานีวัดสภาพอากาศ เพื่อประมวลผลและปรับแผนการดน้ำตามสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้ต้นไม้ได้รับปริมาณน้ำที่พอดีในแต่ละวัน พร้อมกันนี้ระบบควบคุมยังสามารถวัดปริมาณน้ำที่ใช้ในการรดน้ำแต่ละครั้งและยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อระบบมีปัญหาทำให้ทีมงานสามารถตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ Green Roof ให้เกิดขึ้นจริง
พื้นที่สีเขียวรายรอบอาคารแห่งนี้ ถูกเติมเต็มด้วยพรรณไม้โดยทีมงานภูมิสถาปนิก TK Studio ด้วยการออกแบบพรรณไม้แบบ Native Plant Species เพื่อส่งเสริมระบบนิเวศที่สอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของโครงการ
และภายใต้หลังคาสแปนยาวนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือกับทั้งทีมงานพันธมิตรทั้งหมด เพื่อหาโซลูชั่นในการทำงานที่ดีที่สุด รวมถึงก้าวข้ามขีดจำกัดทั้งหมดที่เคยมี เพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการทำงานที่ยกระดับมากกว่าเดิม และสร้างสรรค์ Green Roof ที่มีประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นจริง
สำหรับผู้ที่สนใจงาน Green Roof สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.d1.co.th/green-roof หรือ https://www.facebook.com/d1system/
Picture & Reference
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!