หลีกหนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ สู่บ้านพักตากอากาศวัยเกษียณของสองสามีภรรยาในอำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก บนพื้นที่ดินริมน้ำกว่า 12 ไร่ที่ได้สถาปนิกจาก สถา ณ – SaTa Na มารับหน้าที่ออกแบบด้วยแนวคิดที่ตั้งใจ ‘ปฏิเสธบริบทรอบด้าน เพื่อการเข้าถึงบริบทในแบบที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า’
ธรรมชาติคือองค์ประกอบสำคัญ
ถึงแม้จะมีพื้นที่กว้างถึง 12 ไร่ แต่ในที่ดินแห่งนี้กลับมีพื้นที่ติดริมน้ำเพียงระยะเดียวสั้น ๆ โจทย์หนึ่งของทีมออกแบบจึงเป็นการดีไซน์ให้มีระนาบของบ้านเปิดกว้างเพื่อขนาบ รับวิวแม่น้ำและธรรมชาติเขียวขจีได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ประกอบกับจุดเด่นของไซท์ที่มีต้นไม้ใหญ่เดิมอยู่บริเวณสองกลุ่ม ซ้าย-ขวา บริบทของธรรมชาติจึงทำหน้าที่เป็นกรอบในการวางผังและตำแหน่งของอาคาร แทรกตัวลงไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างถ่อมตัว โดยตำแหน่งดังกล่าวยังมีข้อดีที่เป็นจุดสูงสุดของไซท์ และสามารถมองเห็นแม่น้ำได้ทั้งแนว
หากพูดถึงฟังก์ชันการอยู่อาศัย บ้านหลังนี้เรียบง่าย และไม่มีอะไรซับซ้อนต่างจากบ้านทั่วไป โดยเจ้าของต้องการบ้านริมน้ำที่ใช้งานง่าย มีห้องนอนมาสเตอร์อยู่ที่ชั้น 1 เพื่อความสะดวกในการใช้งานในยามที่แก่ตัวมากขึ้น ส่วนชั้น 2 เป็นห้องนอนแขก 1 ห้อง และห้องนอนลูกสาวทั้งสองอีก 1 ห้อง ส่วนไฮท์ไลท์สำคัญที่เจ้าของต้องการเป็นพิเศษ คือ พื้นที่ Open Air ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะคล้ายใต้ถุนบ้านไทยในต่างจังหวัดสำหรับการผ่อนคลาย ดื่มด่ำอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่
ปิดกั้นเพื่อเปิดออก
ด้วยความที่เป็นบ้านพักตากอากาศท่ามกลางธรรมชาติ ใจความสำคัญจึงเป็นการออกแบบอย่างไร ให้ผู้พักอาศัยรู้สึกได้ถึงการพักผ่อน สัมผัสความเป็นธรรมชาติมากที่สุด สถาปนิกเล่นกับแนวคิดที่ต้องการให้เจ้าของบ้านถูกตัดขาดจากความวุ่นวายในเมือง หรือโลกภายนอก สู่การออกแบบแมสอาคารที่ถูกแบ่งออกด้วยระนาบผนังอิฐบล็อกเพื่อบดบังมุมมองจากบริเวณทางเข้า ให้ยังมองไม่เห็นแม่น้ำ เพื่อให้แม่น้ำกลายเป็นวิวไคลแม็กซ์ที่รอเซอร์ไพรส์ผู้มาเยือนในภายหลัง
“เราพยายามออกแบบ Transition Space เพื่อเป็นการผ่อนคลาย ละลายพฤติกรรมความแข็งกร้าวจากในเมือง เข้าสู่ภายในสวน ค่อย ๆ เข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อเจอพื้นที่ Living และค่อย ๆ มองเห็นแม่น้ำ ไม่ใช่เปิดบ้านแล้วเจอเลย มันจะช่วยทำให้เขาผ่อนคลายสู่การพักผ่อนอย่างจริงจัง” สถาปนิกเล่า
เทอเรซที่อยู่สบายแบบใต้ถุนบ้านไทยในต่างจังหวัด
ถัดจากบริเวณที่จอดรถซึ่งถูกปิดกั้นด้วยระนาบกำแพงทึบ เมื่อเข้าสู่ตัวบ้านจะเจอกับพื้นที่ Double Space ที่เปิดโล่ง เชื่อมพื้นที่รับประทานอาหารและแพนทรี่เป็นส่วนเดียวกัน ซึ่งบริเวณนี้ทั้งหมดจะเชื่อมสู่เทอเรซ Semi-Outdoor ที่สถาปนิกตั้งใจให้คล้ายใต้ถุนบ้าน ด้วยการออกแบบแมสห้องนอนชั้น 2 เป็นตัวบังแดดให้กับเทอเรซริมน้ำซึ่งเป็นทิศที่แดดร้อนอย่างทิศตะวันตก
“ห้องนอนด้านบนช่วยบังแดดให้กับตัวเทอเรซนี้ และยังบังแดด Living room ด้วย เพราะมันอยู่เลเยอร์ใน ส่วนชานอยู่ด้านนอก ตัวหลังคาเลยบังพอดี ชานนี้เลยอยู่สบายได้ตลอดทั้งวัน ส่วนแพนทรี่ครัวเล็ก ๆ ตรงนี้ จะเป็นจุดศูนย์กลางของบ้าน สามารถเปิดบานประตูส่วนนี้เพื่อเชื่อมระเบียงริมน้ำเข้ากับพื้นที่ครัว ทำอาหารกันตรงนี้ได้เลย หรือปิดบานทั้งหมด ครัวก็ยังเชื่อมกับพื้นที่ Living room ได้”
ชั้น 2 ทีมสถาปนิกให้ความสำคัญกับมุมมอง โดยออกแบบห้องนอนทุกห้องให้อยู่บริเวณมุมของอาคาร เนื่องจากฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ริมน้ำ ที่มีต้นไม้ใหญ่ ซึ่งห้องนอนมาสเตอร์บริเวณชั้น 1 จัดวางบริเวณขวาล่าง ฝั่งทิศเหนือที่ไม่ร้อนและมองเห็นวิว ธรรมชาติและสะพานแขวนเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านใช้สัญจรข้ามไปมา ซึ่งตรงนี้จะมองเห็นเวิ้งน้ำได้กว้างไกล
ใช้ประโยชน์จากวิวธรรมชาติให้คุ้มค่า
ส่วนห้องนอนด้านบนเป็นห้องนอนลูก ๆ ที่มองเห็นเวิ้งน้ำไกล ๆ และมองเห็นภูเขา ในขณะที่อีกฝั่งซึ่งเป็นห้องนอนแขกจะมองเห็นเวิ้งน้ำที่สวยมาก แต่ดันเป็นทิศตะวันตกที่ค่อนข้างร้อน สถาปนิกจึงจัดให้เป็นห้องนอนแขกที่มีการพักอาศัยชั่วคราวไปแทน นอกจากนั้นบริเวณห้องนอนแต่ละห้อง ยังออกแบบทำมุมเป็นกระจก และพยายามใช้เหล็กกล่องขนาด 10×10 เพื่อให้สัดส่วนของกระจกมากที่สุด เพื่อมองเห็นวิวได้กว้างที่สุด เช่นเดียวกับห้องน้ำทุกห้องของบ้านที่พยายามออกแบบให้มีกระจกเพื่อเติมบรรยากาศและใช้ประโยชน์จากวิวธรรมชาติทั้งหมด
Something More : บ้านหลังนี้ออกแบบตามกลิ่นอายโมเดิร์นทรอปิคอลตามแบบที่ลูกค้าชื่นชอบ โดยเลือกใช้วัสดุไม้ หรือวัสดุโทนสีเข้ม ซึ่งทางสถาปนิกเลือกใช้ไม้เทียม กระเบื้องเซรามิก และเน้นวัสดุที่สามารถดูแลง่าย และมีราคาไม่แพงมาก
“มันดีตรงที่ พอเราคิดคอนเซ็ปต์อะไรไป เขาก็เต็มที่ ปล่อยอิสระให้เราทำ มันเป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างเจ้าของและสถาปนิก เลยเป็นการออกแบบที่ผมมองว่ามันค่อนข้างลงตัว ลูกค้าเขาเป็นอีกเจนเนอเรชันหนึ่ง ซึ่งเขาเองก็อยากปล่อยให้คนรุ่นใหม่ได้จินตนาการ และอยากลองใช้งานจริงตามไอเดียที่เราคิดเพื่อให้เขาได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งจากที่เขาเคยเจอมา ผมว่ามันคือความลงตัวของบ้านหลังนี้ ที่ผมประทับใจ…”
Location: Nakhonnayok,Thailand
Gross Built Area : 446 m2
Owner : Suttichai Panitnarakul, Suphannee Panitnarakul
Architect : SA TA NA ARCHITECTS CO., LTD.
Lead Architect: Chalermchai Asayote
Architect’s Team : Watcharapong Wongjak,Nathapon Phakpoomkamonloest
Interior Team : Watcharapong Wongjak,Werawong Wirojwattananon
Structure Engineer: Narin Yotha
Photographer: Rungkit Charoenwat
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!