ทุกวันนี้ชีวิตคนเมืองเต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องรับมือมากมาย ทั้งเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ปัญหามลพิษทางอากาศอย่าง PM2.5 ทำให้หนทางสู่การเป็นคนที่มีสุขภาพดีอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
ซุปเปอร์ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมอย่าง ANIL Sathorn 12 จึงตั้งใจที่จะ ‘รับฟัง’ เสียงของร่างกายและจิตใจของคนเมืองให้มากขึ้นด้วยการหยิบนำแนวคิดที่เอาใจใส่สุขภาพทั้ง 7 ด้าน ไม่ว่าจะเป็น อากาศ น้ำ โภชนาการ แสงสว่าง ร่างกาย
ความสบาย และจิตใจ มาใช้ในการออกแบบส่วนต่าง ๆ ของโครงการ จนกลายมาเป็นซุปเปอร์ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมแห่งแรกที่ได้รับรางวัล WELL CERTIFIED™ Multifamily Residential ระดับ GOLD ในที่สุด
ตั้งอยู่ใจกลาง CBD หลักของกรุงเทพฯ
ในปัจจุบันนี้สาทรถือว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจหลักของกรุงเทพฯ เห็นได้จากการตั้งอยู่ของอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงแรมระดับ 5 ดาว คอนโดมิเนียมหรู ศูนย์ราชการ สถานทูต และสวนสาธารณะ รวมไปถึงยังมีระบบขนส่งอย่าง BTS และทางด่วน ซึ่งในอนาคตหากโครงการขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ต้องมี
ย่านสาทรเป็นตัวเลือกเป็นอันตับต้น ๆ ซึ่งทำให้มูลค่าของที่ดินสูงตามไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ ANIL Sathorn 12 จึงเลือกทำเลในย่านสาทร ที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเซนต์หลุยส์เพียง 0 เมตร และใกล้ทางด่วนพิเศษศรีรัชเพียง 1 กิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็นการสัญจรเข้า หรือออกเมืองก็สะดวกสบาย นอกจากนี้โครงการยังรายล้อมด้วย โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
ตึกมหานคร ถนนสีลม The Commons Saladaeng สวนสาธารณะคลองช่องนนทรี และสวนลุมพินี เป็นต้น
นำหลักสุขภาพทั้ง 7 ด้านมาใช้ในการออกแบบ
ซุปเปอร์ลักชัวรี่คอนโดมิเนียมที่ดีไม่ใช่แค่มีสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบเท่านั้น แต่การอยู่อาศัยจะต้องส่งผลให้
ลูกบ้านมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกาย และจิตใจไปพร้อมกันด้วย ทาง ANIL Sathorn 12 จึงได้พัฒนาการออกแบบร่วมกับ BAUEN กลุ่มดีไซน์เนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเพื่อสุขภาวะที่ดี โดยนำแนวคิดด้านสุขภาพทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ คุณภาพอากาศ (Air), คุณภาพน้ำ (Water), สุขภาวะด้านอาหาร (Nourishment), สุขภาวะด้านแสงสว่าง (Light), สุขภาพและความแข็งแรงของร่างกาย (Fitness), ความสบาย (Comfort) และ สุขภาวะทางจิตใจ (Mind) มาใช้ออกแบบ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับโถง Lobby โดดเด่นด้วยวัสดุหินธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสงบผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันก็ต้อนรับด้วยพื้นที่ดับเบิ้ลสเปซที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับวิวสวน และแสงจากธรรมชาติ จนรู้สึกว่าพื้นที่ภายในและภายนอกดูเชื่อมต่อเป็นส่วนเดียวกัน ซึ่งทำให้บรรยากาศภายในเกิดความผ่อนคลาย รวมไปถึงยังใส่ใจผ่านการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ปราศจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ และ VOCs ที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้ เช่นเดียวกับบริเวณภายใน Lobby ที่ยังคงเน้นเรื่องของสุขภาพของผู้อยู่อาศัย โดยมีการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เพื่อสร้างพื้นที่การอยู่อาศัยให้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีอากาศที่สดชื่นมากยิ่งขึ้น
ทุกวันนี้ผู้คนไม่อยากใช้มือสัมผัสสิ่งของที่อาจจะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เพื่อยกระดับคุณภาพด้านสุขภาวะให้มากขึ้น เมื่อต้องการขึ้นลิฟท์ หรือ รับรถยนต์ที่ถูกจัดเก็บโดยลิฟท์ก็สามารถใช้ระบบการสแกนใบหน้า หรือใช้บัตรในการสแกน เพื่อลดการสัมผัสอีกด้วย
สำหรับพื้นที่ส่วนกลางถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นที่ 12, 41 และ 42 ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เลาจ์ พื้นที่อ่านหนังสือ พื้นที่เด็กเล่น สระว่ายน้ำ สวน และฟิตเนส ซึ่งทุกพื้นที่สามารถมองเห็นวิว
เมืองกรุงเทพฯ ได้ทั้งหมด
ในพื้นที่ชั้นที่ 12 ได้เน้น กิจกรรมการพบปะสังสรรค์ พูดคุย ทำงาน และอ่านหนังสือ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ
ให้กับลูกบ้าน โดยมีพื้นที่เลาจน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากห้องสมุด สร้างแพทเทิร์นผนังให้เหมือนกับตู้เก็บหนังสือไม้
ในส่วนฝ้าเพดานใช้แผ่นสีโทนน้ำตาล และเหลือง เหมือนกระดาษนำมาสร้างแพทเทิร์นให้ดูน่าสนใจมากขึ้น บริเวณผนังใช้กระจกให้รับกับพื้นที่สีเขียวภายนอก และวิวของเมือง เข้ามาเป็นส่วนเดียวกับอาคาร เมื่อเข้ามาใช้พื้นที่จึงได้รับ
สุนทรีย์ ทางด้านศิลปะ แสงเงา จนเกิดความความน่าสบายทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังจัดเฟอร์นิเจอร์ให้มีระยะห่างกัน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว และยังช่วยเพิ่มระยะห่างเพื่อป้องกันโควิด -19 แต่ก็ยังมีมิติความสัมพันธ์ทางการมองเห็นกับเพื่อนบ้านได้
หากใครต้องการความเงียบสงบในการติวหนังสือ ทำงาน ยังมีพื้นที่รองรับ ที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้สามารถนั่ง
ได้ทั้งแบบกลุ่ม และแบบเดี่ยว และถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้นยังมีห้องรองรับให้ใช้งานกันได้ นอกจากนี้ยังมีห้องเด็กเล่นเพื่อรองรับความสนุกสนานของเด็ก ๆ อีกด้วย
เมื่อขึ้นมาบนชั้น 41 จะพบกับสวนส่วนกลางที่สามารถขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมกับชมวิวเมือง ซึ่งช่วยสร้างความผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก ทางโครงการใช้ระบบ โอโซนซึ่งช่วยสร้างความแข็งแรงทั้งด้านร่างกายได้เป็นอย่างดี และไร้สารตกค้างต่อการทำลายผิว
หากต้องการความแข็งแรงทางด้านร่างกาย และจิตใจไปพร้อมกันบนพื้นที่ชั้น 42 ยังมีห้องฟิตเนส และห้องโยคะ
ที่จัดวางให้เครื่องเล่นมองเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้หมดอีกด้วย
สำหรับห้องพักอาศัยแบ่งออกเป็น 2 ไทป์ได้แก่ 2 ห้องนอน ขนาด 63 – 92.5 ตารางเมตร และ 1 ห้องนอน
ขนาด 45 – 46 ตารางเมตร มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้สุขภาวะที่ดีไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสเปซ
เครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนซักล้าง น้ำดื่ม และแสงสว่าง รวมไปถึงทุกห้องยังเปิดรับวิวเมือง ซึ่งช่วยสร้างความผ่อนคลายในการอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
2 ห้องนอน ขนาด 63 – 92.5 ตารางเมตร
เมื่อเข้ามาจะพบกับส่วนครัวที่มีเตา และตู้เย็นเทคโนโลยีเก็บรักษาอาหารให้สดสะอาดอยู่เสมอ ซึ่งตัวตู้ถูกออกแบบ
ให้เป็นส่วนเดียวกับตู้บิ้วอินเพื่อสร้างความกลมกลืนเป็นส่วนเดียวกับครัว รวมไปถึงซิงค์น้ำดื่ม และส่วนซักล้างที่แยกกันอย่างชัดเจนเพื่อความสะอาด แถมยังมีเครื่องกรองน้ำสะอาดที่ยังคงแร่ธาตุจำเป็นต่อร่างกาย และท่อน้ำที่ปราศจากสารตะกั่ว
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นได้จัดวางในลักษณะ Open Plan ที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร และโซฟาให้เรียงต่อกัน
เพื่อให้สเปซดูกว้าง และโล่ง ส่วนผนังยังได้ติดตั้งบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่สามารถรับแสงและเปิดให้ลมผ่านเข้ามาได้
จนเกิดภาวะน่าสบายขณะนั่งพักผ่อนได้
เมื่อเดินมาบริเวณคอริดอร์ที่เชื่อมต่อไปยังห้องนอน ห้องอเนกประสงค์ และห้องน้ำ ซึ่งไฟบริเวณทางเดินจะเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติเพียงแค่เดินผ่าน ส่งผลให้เวลากลางคืนไม่ต้องกังวลเรื่องความมืด ทั้งนี้ในพื้นที่คอลิดอร์ยังมีผนังที่ปิด-เปิด เพื่อซ่อนเครื่องซักผ้า หรือ เก็บของอื่น ๆ ได้
ในส่วนของห้องนี้สามารถปรับแต่งให้เป็นได้ทั้งห้องอเนกประสงค์ ห้องนอน หรือพื้นที่ทำงานที่สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และโต๊ะทำงาน ให้หันไปรับกับวิวเพื่อให้ได้แสงธรรมชาติ จนรู้สึกตื่นตัว และมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น
สำหรับห้องนอนได้ออกแบบให้มีบานกระจกขนาดใหญ่ พร้อมหันเตียงรับกับหน้าต่าง เพื่อเปิดรับความความสดชื่น
จากแสง และวิวกรุงเทพฯ เมื่อตื่นนอน ทั้งนี้ยังได้ติดตั้งไฟเพื่อเพิ่มแสงสว่างในเวลากลางคืนทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย
และเกิดภาวะน่าสบายในช่วงนอนหลับ นอกจากนี้ตู้เสื้อผ้ายังถูกออกแบบให้ดูกลมกลืนเป็นส่วนเดียวกับผนัง เมื่อเดินผ่านไฟด้านล่างจะส่องสว่างขึ้นทันที
ในส่วนห้องน้ำเลือกใช้สีขาวทั้งหมดเพื่อให้รู้สึกถึงความสะอาด พร้อมขับเน้นมิติของบานกระจกด้วยแสงไฟสีขาว
และอ่างอาบน้ำได้จัดวางให้ชิดกับขอบกระจกที่สามารถมองวิวขณะอาบน้ำจนสร้างความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
1 ห้องนอน ขนาด 45 – 46 ตารางเมตร
สำหรับห้องไทป์ที่สองมีขนาดเล็กลง แต่ยังคงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาวะ โดยการออกแบบสเปซภายในถูกจัดวางแบบให้ส่วนครัว และส่วนนั่งเล่นอยู่ติดกันเป็นแนวยาวเพื่อให้สเปซดูกว้าง โล่ง และสะดวกต่อการใช้งานแถมยังได้รับแสงสว่างจากช่องเปิดได้อย่างเต็มที่ทุกส่วน ในสเปซข้างต้นนี้ยังเป็นตัวจ่ายสเปซไปยังห้องนอน โดยจัดวางเตียงนอนให้หันหน้าเข้าสู่ผนังที่ติดตั้งทีวี ซึ่งจะแตงต่างกับไทป์แรกที่จะหันเตียงรับกับวิวภายนอก
ที่พักอาศัยที่ได้รับรางวัล WELL CERTIFIEDTM ระดับ Gold
ANIL Sathorn 12 เป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกของประเทศไทยที่มีมาตรฐานสุขภาวะที่ดี ด้วยการรับรองมาตรฐาน WELL CERTIFIEDTM ในระดับ Gold จาก IWBI หรือ International Well Being Institute จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะโครงการได้มุ่งเน้นการออกแบบ การคัดสรรวัสดุ การก่อสร้าง ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ความหรูหราแบบใหม่ที่มอบสุขภาวะที่ดี
ในปัจจุบันคอนโดมิเนียมอาจจะเน้นความหรูหรา และทำเลที่ตั้งเป็นสำคัญ แต่การที่ ANIL Sathorn 12 ใส่ใจ
การออกแบบด้านสุขภาพมากขึ้นก็ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของที่พักอาศัยภายในเมืองที่น่าสนใจและตอบโจทย์กับ
คนในยุคนี้ รวมทั้งยังแตกต่างออกไปจากคอนโดมิเนียมรูปแบบเดิม ๆ
หากกำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่เอาใจใส่เรื่องสุขภาพ เราชวนมาทุกคนมาสัมผัส ณ ANIL Sathorn 12
ราคาเริ่มต้นที่ 17.9 ลบ. สามารถนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ LINE Official : @GrandUnity หรือคลิก lin.ee/43DSpj9sx
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://bit.ly/3jv5hCy โทรสอบถามเพิ่มเติม : 02 652 4000
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!