Smile Dept
คลินิกทันตกรรมและบ้านหมอฟันที่รวมอยู่ในอาคารเดียว

ปัญหาของหลายคนที่ต้องเดินทางทุกวันเพื่อไปออฟฟิศ กว่าจะถึงก็หมดแรงทำงาน เพราะระบบขนส่ง รถติด ฝ่าแดดและฝุ่นควัน จะดีแค่ไหนถ้าเราไปถึงออฟฟิศได้โดยไม่ต้องเดินทาง ?

ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นคลินิก Smile Dept ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่-ดอยสะเก็ดขึ้น นอกจากจะเป็นคลินิกแล้วที่นี่ยังเป็นบ้านของคุณหมอด้วย ซึ่งรายละเอียดการออกแบบที่จะทำให้เกิด work-Life Balance นี้ เป็นหน้าที่ของสถาปนิกจาก INLY STUDIO ผู้เข้ามาออกแบบเพื่อจัดการพื้นที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว (Private) และพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ (Public) ให้ลงตัวมากที่สุด ภายใต้ระบบระเบียบของความสะอาดถูกต้องตามหลักการแพทย์ และความรื่นรมย์เพื่อให้ทุกคนผ่อนคลายจากการทำฟัน

HOMIE CLINIC
ทำฟันในบ้านของหมอฟัน

เราได้มีโอกาสคุยกับ คุณกอล์ฟ-ปกรณ์ อยู่ดี สถาปนิกจาก INLY STUDIO เขาเล่าว่าเดิมเป็นบ้านของครอบครัวคุณหมอ แต่เนื่องจากบ้านเดิมรีโนเวทให้เป็นคลินิกได้ค่อนข้างยากจึงทุบแล้วสร้างใหม่ ณ ที่เดิม การวางฟังก์ชันถ้ามองจากภาพรวม นี่คืออาคารสามชั้น แบ่งชั้น 1 เป็นคลินิก ส่วนชั้น 2-3 เป็นส่วนของบ้านพักอาศัย โดยที่ดินอยู่ติดถนนใหญ่ที่คนเข้าถึงได้ง่าย ที่จอดรถจะแยกส่วนระหว่างด้านหน้าเป็นของลูกค้า ข้างหลังจะเป็นที่จอดของเจ้าของบ้านและผู้ช่วยทันตกรรม

ส่วนใหญ่คลินิกทันตกรรมมักจะอยู่ในห้าง หรือไม่ก็เช่าตึกแถวและตกแต่งภายใน แต่ความพิเศษของคลินิกนี้คือเราจะได้ทำฟันในคลินิกที่ส่วนหนึ่งเป็นบ้านพักอาศัยของคุณหมอด้วย ด้วยภาพลักษณ์ของการทำฟันในโรงพยาบาลรัฐที่อาจจะดูน่ากลัวสำหรับคนไข้ ทันตแพทย์ก็มีความตึงเครียดด้วยสถานที่ และบรรยากาศ แต่เมื่อเป็นคลินิกที่เป็นบ้านแล้ว ก็จะทำให้ทันตแพทย์ทำฟันให้เราได้อย่างมีสุนทรียะมากขึ้น ความเครียดน้อยลง และการทำฟันก็จะน่ากลัวน้อยลงตามไปด้วย

การทำให้บ้านเป็นบ้าน ทำให้คลินิกรู้สึกเหมือนบ้าน จะขาดต้นไม้ไปไม่ได้ บ้านหลังนี้จึงถูกออกแบบเติมเต็มฝั่ง Landscape โดย H2o design co.,ltd ซึ่งแนวคิดคร่าวๆ ที่คุณกอล์ฟเล่าให้ฟัง คือ ท่ามกลางอาคารสีขาวสะอาด คลีน จะต้องมีต้นไม้ที่ดูแลง่าย ไม่มีระบบที่ซับซ้อน ทางภูมิสถาปนิกจึงเลือก ต้นสะเม็ดแดง ที่โน้มมารับกับส่วนด้านหน้าอาคาร

“เขาอยากได้แลนด์สเคปที่สื่อสารได้ง่าย เอาแผ่นหินมาแทนค่าเป็นน้ำ ด้วยการใช้ Harmony form ของต้นไม้ตัดกับอาคารที่เป็นเรขาคณิต ต้นไม้จึงอ่อนช้อย โน้มล้อกับเส้นนอนของตัวชั้น 1 มีความพริ้วไหว เพื่อลดความแข็งกระด้างของอาคารลง อีกทั้งยัง Service ได้ง่าย และไม่บดบังตัวสถาปัตยกรรม” สถาปนิกเล่า

ส่วนต้นใหญ่ด้านในที่อยู่ในช่องของอาคาร เป็นต้นมั่งมี ที่เปรียบเหมือนพระเอกที่ถูกออกแบบตั้งแต่ต้นให้เป็นส่วนหนึ่งของอาคาร เพราะต้นไม้จะมาบังแสงให้กับรูช่องแสงของห้อง Living ชั้นสอง เพราะเจ้าของอยากให้มีความโปร่งแค่ประมาณ 30 เปอร์เซนเท่านั้นเนื่องจากต้องการสมาธิเวลาดูหนังฟังเพลง

Hygienic Home
เมื่อบ้านหลังนี้ต้องสะอาดเป็นพิเศษ

 “อาคารที่มีรูปทรงเรขาคณิตสีขาว ไม่มีซอก ทำความสะอาดง่าย ซ่อมแซมง่าย พยายามให้อาคารสร้างปัญหาน้อยที่สุด นี่คือโจทย์ที่ได้รับจากเจ้าของบ้าน” สถาปนิกกล่าว

ด้วยความที่เป็นคลินิกทันตกรรมแน่นอนว่าในเรื่องของเชื้อโรคแบคทีเรีย เป็นสิ่งสำคัญในการออกแบบเพราะต้องมั่นใจว่าจะไม่รบกวนการใช้ชีวิตภายในบ้าน จึงใช้การแยก Circulation ระหว่างคนไข้กับทันตแพทย์เพื่อลดการปนเปื้อน ซึ่งจะมีประตูรองด้านหลังบ้าน เพื่อเข้าถึงตัวบ้านไปยังที่ชั้นสองได้โดยตรง ไม่เกิดการเดินปะปนกับผู้ช่วยบุคลากรด้วย

ถึงแม้จะเป็นชั้นสองของบ้านแต่ฟังก์ชันก็ครบครัน เช่น มีระเบียงสำหรับครัวเพื่อเพิ่มการระบายอากาศเวลาทำอาหาร มี ส่วนซักล้าง ครบเหมือนบ้านปกติเพียงแค่ยกฟังก์ชันของชั้นหนึ่งขึ้นมาเท่านั้นเอง


ในส่วนงานระบบคลินิกทำฟันจะอยู่ด้านหลังบ้านทั้งหมด เวลา service สามารถทำได้ที่บริเวณหลังบ้านเพื่อไม่ให้รบกวนลูกค้า ส่วนของขยะติดเชื้อจะมีห้องเก็บที่ชัดเจน และมีรถมาจัดการขยะเป็นประจำ บ้านหลังนี้จำเป็นที่จะต้องมีความอนามัยสูง ท่อระบบของคลินิกจะแยกขาดกับตัวบ้าน ในส่วนนี้ทางสถาปนิกจะทำงานร่วมกันกับ consult ที่วางระบบทันตกรรมเพื่อให้เกิดระบบที่ชัดเจน
รวมถึงมีระบบอัดอากาศเป็นห้องแรงดันลบ (negative pressure) เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจายออกจากห้องทันตกรรม ทั้งหมดนี้จึงต้องเป็นอาคารที่ทำความสะอาดง่าย

 

Something More : ด้านหลังจะมีห้องปั๊มลมที่จ่ายลมไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ในห้องทำฟัน อีกทั้งยังมีห้องทำความสะอาดเครื่องมือ ที่ต้องนำเครื่องมือใช้แล้วจากห้องทำฟันทุกห้องมาทำความสะอาดก่อนจะส่งกลับไปใช้งานใหม่ การที่ทุกฟังก์ชันเชื่อมต่อถึงกันได้ง่ายจึงสะดวก ประหยัดและเป็นเรื่องจำเป็น

Mood and tone : สีที่ใช้จะเป็นโทนขาวเป็นหลัก ซึ่งจะให้ความรู้สึกสะอาด สงบ อบอุ่น ทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติที่สุด

Public – Private
ความสมดุลของพื้นที่ทำงานและบ้านที่เป็นส่วนตัว

 แน่นอนว่าอาคารพาณิชย์นั้นต้องการความโปร่ง เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมภายใน แต่บ้านนั้นต้องการความเป็นส่วนตัว แล้วเราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร?

สถาปนิกเลือกใช้ บล็อกแก้ว เป็นวัสดุหลักที่จะนำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาของถนนที่มีทั้งแสง เสียง เพื่อกรองเสียงและลดความชัดเจนของกิจกรรมภายในคลินิก แต่ทว่ายังสามารถสร้าง Indirect-light ทำให้อาคารมีมิติ เวลาเปิดไฟตอนกลางคืนได้ แสงจากภายในเรืองออกมาสู่ภายนอก เพิ่มสว่าง สลัว มันวาวให้อาคารดูโดดเด่น อีกทั้งยังค่อนข้างนำเสนอความเป็นอาคาร commercial ได้อีกด้วย

“พอเราใช้บล็อกแก้ว เราก็กล้าที่จะใช้กระจกอีก Layer นึงได้ เพราะบล็อกแก้วจะกรองความร้อนไปได้ระดับหนึ่งทำให้บ้านไม่ร้อน ทั้งยังสร้างความงามจากภายในสู่ภายนอก และภายนอกสู่ภายใน ทำให้ในอาคารสงบ มีสมาธิมากขึ้น”

ส่วนของตัวบ้านสถาปนิกดีไซน์ล่นระยะแมสอาคารชั้น 2-3 ออกจากถนนประมาณ 20 เมตร เพื่อลดเสียงดังของรถที่วิ่งผ่านไปมาลง หากมองด้วยระยะสายตามนุษย์แล้วอาคารจะดูพุ่ง ได้ความสนุุก แต่ยังคงก่อสร้างง่าย มีความมินิมอล บนพื้นฐานวัสดุพื้นถิ่นที่ติดตั้งง่าย

              

ในส่วนของชั้น 2 พอเป็นบ้านพักอาศัยที่จำเป็นต้องมีต้นไม้ ทางแลนด์สเคปตัดสินใจที่จะเลือกต้นไม้ที่ดูแลง่ายและมีความแข็งแรงค่อนข้างสูง อีกทั้งพื้นที่ตรงนี้จะเหมือนเป็นลานของบ้าน จึงออกแบบให้ฝ้าสูงขึ้นไปถึงชั้น 3 เพื่อสร้างสเปซที่โปร่ง โล่ง ไม่ต่างจากบ้านปกติที่จะเริ่มจากชั้น 1 ด้านข้างเปิดวิวให้เห็นดอยสุเทพ และใช้ม่านไฟฟ้าสร้างความเป็นส่วนตัวในเวลากลางคืนให้กับอาคาร

สถาปนิกออกแบบให้ Facade ส่วนหนึ่งที่ห้องนั่งเล่นบริเวณชั้นสอง ใช้เหล็กเพลทปั๊มรู เพื่อสร้าง privacy ให้แก่พื้นที่ส่วนนั้น อีกทั้งยังเป็นเกราะป้องกันทั้งแสง เสียง และการเคลื่อนไหวจากถนนใหญ่ บ้านหลังนี้จึงมองถึงเหล็กฉลุและบล็อกแก้วเป็นวัสดุหลักๆ ในการสร้าง privacy ทั้งจากถนนใหญ่ รถวิ่งเร็ว เสียงที่ดังวุ่นวาย และจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการด้วย

จุดเด่นของอาคารหลังนี้ มิใช่ลีลาการออกแบบที่ซับซ้อนและยุ่งยาก แต่ตัวคารกำลังบอกกับเราถึงความเรียบง่าย การสร้างสมดุลระหว่างเรขาคณิต-รูปทรงอิสระ อาคารพาณิชย์-บ้านพักอาศัย ความทันสมัย-ความอบอุ่น ภายนอก-ภายใน สาธารณะและความเป็นส่วนตัว

อาคารหลังนี้กำลังบอกกับเราว่าทุกอย่างต้องมีสมดุล ทั้งงานและชีวิต ต่างก็มีความสำคัญอย่างไม่แพ้กัน บ้านจึงเป็นบ้านที่อบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้งาน แต่ไม่มีงานมาปะปน นั่นจะทำให้ผู้คนเกิดคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการออกแบบที่สมบูรณ์แบบของสถาปนิก

Project location: Chiangmai, Thailand
Area : 600 sq.m.
Architect : I N L Y STUDIO
Landscape : H2o design co.,ltd
Interior : Pommballstudio
Structure Engineer : Pilawan Piriyapokhai
Builder: Idea studio 25
Photographer : panoramicstudio

Writer
Prawpisut Tiangphonkrang

Prawpisut Tiangphonkrang

นักศึกษาสถาปัตยกรรม ที่เชื่อว่าการออกแบบเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องบนโลกใบนี้