นอกจากสเปซ เส้นสาย รูปทรง สีสัน แสงและเงาแล้ว ยังมีอีกหนึ่งความพิเศษที่ทำให้งานออกแบบภูมิทัศน์มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ซึ่งนั่นก็คือ ‘กลิ่นดอกไม้’ นั่นเอง โดยพืชแต่ละชนิดก็จะมีความเข้มข้นของกลิ่นที่แตกต่างกันไปตามช่วงเวลา และวันนี้เราจะมาแนะนำ 9 พืชพรรณหลากหลายรูปทรง ที่จะส่งกลิ่นแรงตอนกลางคืน มาให้ทุกคนได้รู้จักกัน
กันเกรา (Fagraea fragrans Roxb.)
ไม้ยืนต้นสุดฮิตที่หลายคนนิยมปลูก เพื่อช่วยสร้างร่มเงาให้กับพื้นที่สวนและอาคาร เนื่องจากสามารถสูงได้ ถึง 15–25 เมตร มีฟอร์มทรงพุ่มที่สวยงาม ซึ่งเริ่มแรกฟอร์มจะเป็นทรงกรวย แต่หากโตเต็มที่แล้วจะกลายเป็นทรงกลม สามารถเจริญเติบโตได้ดีในทุกสภาพดิน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ชื้นแฉะ แต่ชอบแสงแดดจัด จึงเหมาะกับการปลูกในสวนสาธารณะ หรือพื้นที่โล่งรอบๆ บ้าน มากกว่าการปลูกในคอร์ทยาร์ดกลางบ้าน นอกจากนี้ดอกสีเหลืองอ่อนของกันเกรายังส่งกลิ่นสดชื่นในตอนกลางคืนของช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนอีกด้วย
พญาสัตบรรณ หรือตีนเป็ด (Alstonia scholaris)
เป็นพืชพรรณที่มักถูกถกเถียงว่ามีกลิ่นหอมหรือไม่หอมกันแน่ แต่ถึงแม้ต้นไม้ชนิดนี้จะมีกลิ่นฉุนแรงตั้งแต่ช่วงค่ำ แต่ก็ไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด และด้วยลำต้นที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ สูงได้ถึง 15–35 เมตร มีฟอร์มทรงพุ่มกลม จึงเป็นประโยชน์แก่การนำมาใช้สร้างร่มเงาให้พื้นที่ใต้ต้นไม้ เหมาะกับการปลูกในพื้นที่โล่ง ที่คนเข้าไปใช้งานในช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก เช่น พื้นที่ริมถนน, สวนสาธารณะ, สนามเด็กเล่น หรือลานจอดรถ เป็นต้น
ลีลาวดี (Plumeria obtusa L.)
ไม้ดอกที่อยู่คู่กับงานออกแบบภูมิทัศน์มาอย่างยาวนาน โดยทั่วไปจะมีความสูงประมาณ 1-3 เมตร ฟอร์มลำต้นแตกกิ่งคดเคี้ยวสวยงาม ฟอร์มทรงพุ่มแผ่กว้าง สามารถออกดอกตลอดทั้งปี และส่งกลิ่นทั้งกลางวันและกลางคืน เหมาะกับการปลูกเพื่อสร้างร่มเงาให้กับพื้นที่ใช้งาน หรือสร้างบรรยากาศสบายๆ สไตล์ทรอปิคอล อย่างงานออกแบบภูมิทัศน์ของโรงแรมและรีสอร์ท โดยสามารถใช้เป็นต้นไม้ประธาน หรือต้นไม้ริมทางเดินก็ได้
กระดังงาไทย (Cananga odorata (Lamk.) Hook. f. et Thomson var. ordorata)
อีกหนึ่งไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีดอกมีสีเหลือง ส่งกลิ่นแรงยิ่งขึ้นในช่วงพลบค่ำ โดยดอกออกรวมกันเป็นช่อตลอดทั้งปี ลำต้นมีลักษณะสูงตรง ซึ่งสูงได้ถึง 30 เมตร ฟอร์มทรงพุ่มเป็นแบบทรงกรวย ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวขนาดกลาง เรียงสลับกัน นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่ต้องการแดดจัด จึงเหมาะกับการปลูกในบริเวณพื้นที่โล่ง หากปลูกในพื้นที่ร่มมักไม่ค่อยติดดอกออกผล
โมกบ้าน หรือโมกลา (Wrightia religiosa Benth.)
สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้แนวรั้ว ต้นโมกลาถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีลักษณะใบค่อนข้างละเอียด ช่วยพรางตาได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทึบเกินไป เพราะมีช่องว่างระหว่างกิ่งก้านให้ลมลอดผ่านได้พอสมควร ดอกโมกลามีสีขาว สามารถออกดอกตลอดทั้งปี จะส่งกลิ่นแรงเป็นพิเศษในช่วงที่มีอุณหภูมิต่ำ ดังนั้นเราจึงมักได้กลิ่นในช่วงเย็น-เช้า นอกจากนี้โมกลาถือเป็นพันธุ์โมกที่มีกลิ่นแรงมากที่สุดอีกด้วย ข้อควรระวังของการปลูกต้นโมกคือ ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดปานกลางส่องทั่วถึงทั้งต้น ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการใบโกร๋นช่วงโคน-กลางลำต้นได้
ทิวาราตรี (Cestrum nocturnum L.)
หากใครต้องการออกแบบสวนที่ใช้งานในตอนกลางคืนเป็นหลัก ต้องไม่พลาดพืชชนิดนี้ เพราะทิวาราตรีเป็นพืชดอกที่ยิ่งดึกยิ่งกลิ่นแรงสมชื่อ แถมยังส่งกลิ่นทุกฤดูอีกด้วย โดยมีลักษณะเป็นไม้พุ่มขนาดเล็กสูง 2-5 เมตร ฟอร์มทรงพุ่มเป็นทรงกลม มีดอกสีขาวเล็กๆ ออกเป็นช่อ ชอบแสงแดดจัดตลอดทั้งวัน และชอบความชื้นสูง จึงเหมาะกับการปลูกในบริเวณพื้นที่ชายน้ำ หรือพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคกลางที่มีความชื้นในดินสูง
มะลุลี (Jasminum multiflorum (Burm.f.) Andrews)
แม้เราอาจได้ยินชื่อไม่บ่อยนัก แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งพืชไม้เลื้อยที่มีความโดดเด่นในตัวเอง ด้วยลักษณะปลายดอกที่แยกออกมาคล้ายรูปดาว พร้อมส่งกลิ่นแรงตั้งแต่ช่วงเย็น และสามารถออกดอกได้ตลอดปี ซึ่งหากปลูกในบริเวณที่ได้รับแสงแดดเต็มวัน จะยิ่งออกดอกดกมากขึ้น เหมาะกับการนำมาตกแต่งภูมิทัศน์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะปลูกเป็นแนวพุ่มไม้ ตัดแต่งเป็นไม้ดัด หรือนำมาทำเป็นซุ้มไม้เลื้อย
พุดซ้อน (Gardenia jasminoides J.Ellis)
เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 1-3 เมตร มีทรงพุ่มกลม ค่อนข้างทึบ และมีดอกสีขาวซ้อนกันหลายชั้นอย่างสวยงาม โดยปกติแล้วพุดซ้อนสามารถส่งกลิ่นได้ตลอดทั้งวัน แต่จะส่งกลิ่นแรงขึ้นในช่วงค่ำ เหมาะกับการปลูกรอบๆ บ้าน หรือสวนกว้าง เพราะต้องการแสงแดดจัดและความชื้นสูง หากปลูกในที่ร่มจะทำให้ไม่ค่อยออกดอก
พลับพลึงตีนเป็ด หรือพลับพลึง กทม. (Hymenocallis littoralis (Jacq.) Salisb.)
เป็นพืชล้มลุกที่มักเห็นในงานออกแบบสวนสาธารณะบ่อยๆ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมสูง เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณพื้นที่ชายน้ำ จึงมักถูกปลูกประดับเป็นแนวพุ่มริมน้ำ สามารถปลูกได้ทั้งในบริเวณที่มีแดดรำไรและแดดเต็มวัน ซึ่งหากปลูกในสวนกลางแจ้ง จะมีดอกสวยมากกว่าปลูกในร่ม โดยกลีบดอกมีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว จึงเป็นที่จดจำได้ง่าย รวมถึงสามารถออกดอกได้ทั้งปี และส่งกลิ่นแรงในช่วงพลบค่ำ
แม้ว่าแต่ละคนก็มีกลิ่นดอกไม้ที่ชอบแตกต่างกัน แต่เชื่อว่าการได้รู้จักกับกลิ่นดอกไม้ จะช่วยให้งานออกแบบของเรามีมิติยิ่งขึ้น ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะนำไปใช้ในการสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจ หรือหลีกเลี่ยงใช้สำหรับใครที่ไม่พึงประสงค์กลิ่นดอกไม้
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!