AI ออกแบบบ้านแทนสถาปนิกได้จริงเหรอ?

ุคนี้ AI ทำได้ทุกอย่าง

ปี 2023 นี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องหลายสิบปี เทคโนโลยีกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการประกอบกิจกรรมในชีวิตประจำวันของมนุษย์ AI คือชื่อที่ถูกเรียกจนติดหูหรือในอีกชื่อ (Artificial intelligence) ปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบให้มีระบบการทำงาน คล้ายคลึงกับการทำงานของระบบสมองของมนุษย์ในการเรียนรู้และพัฒนา

AI เป็นใคร

AI (Artificial intelligence) ที่ถูกใช้ในวงกว้างทุกวันนี้ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายในการเลียนแบบการเป็นมนุษย์หรือแทนที่มนุษย์แต่สิ่งที่ถูกมุ่งหวังคือ “ Out Put” ของ AI นั้นจะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้โดยตรง ในปัจจุบันนี้ซอฟต์แวร์หลายตัวที่ถูกขับเคลื่อนด้วยระบบบ AI นั้นต่างก็มีความต้องการให้ผู้ใช้งานรู้สึกเหมือนได้โต้ตอบกับมนุษย์ด้วยกันมากที่สุด

 

AI เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะสามารถนำความสามารถมาใช้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มนุษย์รับมือกับปัญหาที่ซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถรับมือได้ และ AI ยังเหมาะที่จะเป็นเครื่องมือที่ทำงานในรูปแบบซ้ำๆที่น่าเบื่อแทนมนุษย์ได้อย่างดี ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ลดระยะเวลาให้ผู้ใช้สามารถใช้เวลาไปโฟกัสกับสิ่งอื่นๆได้และในระบบอุตสาหกรรมยังสามารถประยุกต์ใช้ AI เพื่อให้ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้อีกด้วย

AI ก็แทบจะทำได้ทุกอย่างแทนมนุษย์ได้แล้วสิ

ช่วงนี้หลายๆท่านอาจจะเคยเห็นความารถของ AI ในส่วนของงานออกแบบและงานศิลปะได้จากสื่อโซเชียลต่างๆที่ผู้คนนำมาแชร์ต่อถึงความสามารถในการ วาดภาพ การออกแบบตามคำสั่ง ถือเป็นความสำเร็จของเทคโนโลยีอีกขั้นก็ว่าได้ แต่เพื่อนๆคิดว่า AI จะสามารถมาทำงานแทนที่ในส่วนของสถาปนิกได้จริงหรือไม่เราลองมาเปรียบเทียบความสามารถในการทำงานระหว่างสถาปนิก และ AI กัน

เทียบเลย ใครเจ๋งกว่า

 

การAnalysis และ การลงพื้นที่เก็บข้อมูล

ในการลงพื้นที่เก็บข้อมูล หรือ การทำ Analysis ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI ยังไม่สามารถทำแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้มีความสำคัญมากต่อการออกแบบ เพราะสถาปนิกต้องนำข้อมูลเนื้อหารายละเอียดต่างๆมาเพื่อใช้ประกอบการออกแบบและการพิจารณาถึงข้อจำกัดและข้อกำหนดต่างๆที่แตกต่างกันในแต่ละบริบทจากการลงพื้นที่จริงในขณะที่ AI สามารถให้ข้อมูลพื้นฐานได้จากฐานข้อมูลที่มีเท่านั้น

 

Process ในการออกแบบจากการ Empathy

ในส่วนของ Process การออกแบบ AI สามารถรังสรรค์ชิ้นงานออกมาให้คุณได้เห็นภาพจบในเวลาเพียงไม่กี่นาที เพียงแค่คุณพิมสิ่งที่ต้องการแต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะไม่ตอบโจทย์กับความต้องการทั้งหมด ในขณะที่ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สถาปนิกจะต้องปรึกษาพูดคุย ทำความเข้าใจถึงความต้องการของ Owner เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ของผู้ออกแบบและผู้ว่าจ้าง การทำความเข้าใจร่วมกันนี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์ของการออกแบบที่ดีและตรงตามความต้องการของผู้ว่าจ้างได้

 

การให้คำปรึกษา – การให้ข้อมูล

ในระหว่างการดำเนินงาน มักมีคำถาม และ ความต้องการใหม่ๆเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งสถาปนิกผู้ดูแลงานจะเป็นผู้ที่สามารถค่อยให้คำแนะนำและจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้้ในทันท่วงที ในขณะที่AI อาจจะสามารถทำได้เพียงให้ข้อมูลวิธีการแก้ไข หรือ การตอบคำถามตามความต้องการเท่านั้น

 

การก่อสร้าง/ตรวจเช็คความเรียบร้อยของงาน

การก่อสร้างเพื่อให้ได้ออกมาในผลลัพธ์ที่คาดหวังไว้ จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ออกแบบที่มีความรู้เฉพาะทางและมีประสบการณ์อย่างสถาปนิกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขั้นตอนการตรวจดูความเรียบร้อย การควบคุมดำเนินงานให้เป็นไปตามงานที่ถูกออกแบบและวางแผนไว้ ในขณะที่ AI อาจจะสามารถสร้างผลงานออกมาให้ดูเป็นภาพจบที่สวยงามได้เท่านั้น

สุดท้ายแล้ว AI คือ เครื่องมือ หรือ คู่แข่ง

จากตัวอย่างของการเปรียบเทียบความสามารถในการทำงานระหว่างสถาปนิก และ AI เพื่อนๆชาวสถาปนิกน่าจะสบายใจได้แล้วว่า AI คงยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ในหน้าที่ของมนุษย์ได้ เพราะทั้งนี้ในการใช้งาน AI ยังคงต้องมีมนุษย์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานของ AI ดังนั้นงานที่ AI สร้างจึงเป็นงานที่ AI ไม่สามารถทำออกมาเป็นรูปธรรมได้ อีกทั้ง AI ยังไม่สามารถทำงานที่ต้องใช้ ความคิดสร้างสรรค์ ( Creativity ) , ความเห็นอกเห็นใจ ( Empathy ) , หรือแม้แต่การสื่อสาร (Communication) ได้ดีเท่ามนุษย์ ดังนั้นทำให้ ความสามารถของมนุษย์ และ AI จึงเหมาะสมในการเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง “ ความคิดสร้างสรรค์ และ เทคนิค ”

Writer
Heamarat Chimchavee

Heamarat Chimchavee

สถาปนิกจำเป็น ที่ทำงานออกแบบเป็นงานอดิเรก มีความสนใจในการทำความเข้าใจแนวคิดและที่มาของงานออกแบบต่าง ๆ ที่พบเจอ ให้กลายเป็นเรื่องเล่า