Music and Art Tale
ธุรกิจที่เติบโตจากการลองผิดลองถูกของเจ้าของบริษัทออกแบบที่ชื่นชอบศิลปะและดนตรี

ตึกแถวสองชั้นอายุราว 50 ปี ย่านชุมชนเก่าในซอยกิ่งเพชร ถนนเพชรบุรีซอย 5 ทรุดโทรมตามกาลเวลา เมื่อต้องการจะปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารใหม่เพื่อซ่อมแซมส่วนชำรุดและเพิ่มเติมพื้นที่ใช้ส่อยให้เกิดประโยชน์มากขึ้น จึงต้องคิดว่างแผนกันยกใหญ่ ทีมสถาปนิกใช้เวลาคิดโปรแกรม ออกแบบปรับปรุงอาคารอยู่ประมาณ 1 ปี ลงมือปรับปรุงอีกประมาณ 1 ปีเศษ จึงเกิดเป็น Music and Art Tale – Phayathai  พื้นที่สำนักงานให้เช่า และ Art Gallery

พื้นที่สำนักงานให้เช่า และ Art Gallery

พื้นที่สำนักงานให้เช่า และ Art Gallery  คือความคิดที่ตั้งใจไว้แต่แรก
หลังจากตัดสินใจรื้อพื้นบริเวณชั้น 2 และทุบด้านหน้าของอาคารออกเพื่อสร้าง Double Space บริเวณโถงทางเข้า
ฟาซาดอาคารด้านหน้าถูกออกแบบด้วยเหล็กเชื่อมกันเกิดเป็นมิติตื้น – ลึกที่มองเห็นได้จากบริเวณโดยรอบ  อีกทั้งยังลดทอนความทึบหนาของวัสดุเหล็กด้วยการเจาะรู และติดตั้งเฟรมกระจก ปิดท้ายด้วยการใช้สีอาคารภายนอกเป็นโทนสีดำ เพื่อขับรูปลักษณ์ภายนอก และการครอบครองพื้นที่ของอาคารให้เด่นชัดมากขึ้น

ภาพก่อนและหลังรีโนเวท

สีแดง กับภาพเขียน

บริเวณพื้นที่ชั้นล่าง สถาปนิกออกแบบให้เป็นส่วน Common และ Meeting Area สำหรับลูกค้าที่ผู้เช่าต้องการต้อนรับ บริเวณใต้บันไดออกแบบให้เป็น Mini Bar ขนาดเล็กที่ช่วยปกปิดความยุ่งเหยิงที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยหน้าบานเลื่อนอะคริลิคใสสีแดงแบบเต็มบานจากพื้นจรดเพดาน ซึ่งยึดเข้ากับโครงเหล็กและหมุดเงิน ที่ทำหน้าที่เสมือนกระดูก

ผนังที่เต็มไปด้วยภาพเขียนหลากสีสันบริเวณทางเข้า ตลอดจนผนังต่างๆ ทั่วโครงการ ยังช่วยลดความกระด้างของเหล็กซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของอาคารแห่งนี้

พื้นที่ชั้น 2 ประกอบด้วยห้องสตูดิโอด้านหน้า และด้านหลัง โดยสตูดิโอส่วนหน้าจะถูกห้อมล้อมด้วยผนังเฟรมเหล็กติดกระจกใส มองเห็น Void และไฟระย้าได้ เกิดเป็นสเปซ ใหม่ที่สามารถหายใจได้ ส่วนสตูดิโอด้านหลังเหมาะสำหรับผู้เช่าที่มีจำนวนมากกว่า โดยมีห้องน้ำในตัวเสริม

ผนังส่วนใหญ่ใช้เป็นผนังเบาเพื่อลดน้ำหนักโครงสร้างที่เพิ่มเข้าไป และเสริมความแข็งแรงโครงสร้างด้วยคานเหล็กบีมเป็นระยะ รวมถึงสร้างเอฟเฟ็กต์ให้เพดาน ด้วยการใช้ไฟเส้นสีวอร์มไวท์ติดตามแนวยาวของคานบีม

พื้นที่ชั้น 3 หรือชั้นลอย สถาปนิกต้องการพื้นที่ส่วนกลางหรือพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นในส่วนเหนือหลังคา จึงเสริมโครงสร้างพื้นชั้น 2 ด้วยเหล็กบีมเพื่อสร้าง Core บันไดลิงสำหรับขึ้นหลังคา ตำแหน่งตรงกันกับบันไดที่ขึ้นมาจากชั้นล่าง โดยชั้นลอยจะเป็นพื้นที่กึ่ง Outdoor เหมาะสำหรับการมานั่งกินบรรยากาศยามเย็น พักผ่อนเพื่อให้ได้หลุดจากความเคร่งเครียดของงานบ้างเป็นครั้งครา

ปัญหาของการปรับปรุงอาคารเก่า
“เพดานเตี้ย-น้ำรั่ว-น้ำท่วม-แสงไม่เข้า-ลมไม่ระบาย”

ไม่ว่าจะเป็นน้ำรั่ว หรือน้ำท่วม ซึ่งเกิดจากสภาพแวดล้อมของอาคาร ตลอดจนการเจาะช่องเพื่อทำบันไดขึ้นสู่ชั้น 3  ขั้นตอนการเก็บแก้ยังดำเนินไปเรื่อยๆ โดยมีผู้ตรวจ Defect เป็นนักออกแบบและฝนเดือนเมษายน เมื่อตัดสินใจทำห้องน้ำใหม่ที่ชั้น 2 จึงต้องออกแบบตู้ และแผงเหล็กสำหรับซ่อนท่อเพื่อความเรียบร้อย

การเติบโตของธุรกิจรีโนเวท และทิศทางของ Music and Art Tale

พิศิษฐ์ ทองดา–ตู่  นักออกแบบภายในและเจ้าของบริษัท SMO Design Studio กล่าวถึงความรักในเสียงดนตรีของตัวเอง ภาพเหล่านี้สะท้อนผ่านหนังสือและเทป Cassette ที่เรียงรายให้ผู้มาเยี่ยมเยือนพื้นที่สโม-สำนักงานออกแบบได้ยินและได้ยล

ที่แห่งนี้เองที่เขาตัดสินใจลองจับบ้านเก่ามารีโนเวทและตั้ง Music and Artel แห่งแรกขึ้น จะว่าไป นอกเหนือจากเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่าแล้ว Music and Artel สถานที่แห่งนี้ก็ยังเคยเป็น Guesthouse สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการมาสัมผัสชีวิตคนกรุงเทพเช่นกัน

“เคยพาลูกค้าต่างชาติที่มาพักไปเที่ยววัดพระแก้วด้วยนะ แต่เลิกแล้วเพราะดูแลไม่ไหว ต้องมีพ่อบ้านมาอยู่เฝ้าตลอด” เจ้าของบริษัทพูดแล้วยิ้ม หลังจากลองผิดลองถูกมาจนทุกอย่างเริ่มลงตัว ก็ได้ฤกษ์ที่คิดจะสร้างร่างแยกของ Music and Artel เสียที ประจวบกับได้ไปเจออาคารตึกแถวเก่าทำเลดีของเพื่อนย่านพญาไท จึงชวนมาร่วมกันทำเป็น Music and Art Tale – Phayathai แห่งนี้

อาคารหรือบ้านเก่าแต่ละหลังมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ในตัวของมันเอง การรีโนเวตไม่เพียงแค่ยาก แต่เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ละอาคารมีความจู้จี้และปัญหาที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าจะบอกว่าเหมือนชีวิต มันก็มีข้อดีข้อเสียที่จะต้องเลือกยอมรับหรือปรับปรุงกันไป Music and Art Tale – Phayathai คงไม่ใช่น้องเล็กของการลองผิดลองถูกนี้เพียงคนเดียว เพราะ สโม-SMO Design Studio กำลังวางแผนโปรเจ็กต์ใหม่ที่บางกะเจ้าไว้เช่นเดียวกัน

“มันจะเป็นลักษณะของ Art Studio มากกว่า” คือคำจำกัดความของเราที่ยังคงมองหาโอกาส และเรียนรู้การทำธุรกิจนี้ให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ

*คำอธิบายทั้งหมดโดยผู้ออกแบบ (Text description by the architects)

Credits ;
Location :
เพชรบุรี 7 แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
Gross Built Area:
130 ตารางเมตร
Completion Year :  2021
Owner : Prapakorn Thongsoontorn

Architecture Firm:  SMO Design Studio
Lead Architects: Phisit Thongda
Design Team:
Phisit Thongda , Alisa Suphap ,Yada Junwiset
Interior Designer : SMO Design Studio

Photographer: Chayaphol Parachart