คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่ “ความยั่งยืน” ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของบรรทัดฐานของการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังนั้นแล้วเราเองก็ได้ตระหนักถึงการนำเสนอเรื่องราวสถาปัตยกรรมที่ส่งผลที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา Dsign Something ร่วมกับบริษัท เหล็กสยามยามาโตะ จำกัด (SYS Steel) ผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กรูปพรรณรีดร้อนของไทย จัดงานสัมมนา The Design Walk ภายใต้หัวข้อ “Go Green Building Design” ณ อาคาร Forest Pavillion ศูนย์การเรียนรู้ที่เสนอองค์ความรู้ระบบนิเวศแบบยั่งยืน เพื่อให้ความรู้ รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับกลไกการออกแบบ เทคโนโลยีการก่อสร้างอาคารอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของโครงการ The Forestias by MQDC
โดยในงานนี้ได้รับเกียรติการบรรยายจากวิทยากร 2 ท่าน ได้แก่ ดร.นรี ภิญญาวัฒน์ ผู้อำนวยการบริษัท Atelier Ten (Thailand) จำกัด และคุณเรียงศร เตชะศิริวรรณ หัวหน้าฝ่ายออกแบบวิศวกรรมโครงการ บริษัท EEC Lincolne Scott จำกัด ซึ่งทั้งสองท่านก็ได้ทำงานร่วมกับทีมสถาปนิกหลักในออกแบบโครงการ อย่าง Foster และ Partners นั่นเอง
เมืองต้นแบบโครงการที่อยู่อาศัยของคนยุคใหม่
The Forestias by MQDC โครงการ Mixed-Use ขนาด Mega Project ย่านบางนาที่รวมที่อยู่อาศัยทุกประเภทตั้งแต่คอนโดมิเนียม Low-Rise ไปจนถึง วิลล่าระดับ Super Luxury และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาไว้ในที่เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Medical Complex, แหล่งรวม Community Center, Town Center และโรงแรมระดับ 6 ดาว ภายใต้แนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยสร้างพื้นสีเขียวโอบล้อมรอบโครงการมากกว่า 56% ของพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ ทั้งในส่วนของเขตป่าและพื้นที่กิจกรรมที่ชวนให้ทุกคนมาใช้ชีวิตกลางแจ้งท่ามกลางระบบนิเวศธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เติบโตไปพร้อมกับผู้อยู่อาศัย
เมื่อความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิต
“เราต้องการให้ทุกคนที่มาอยู่ที่นี่มีความสุขที่จะอยู่กับธรรมชาติ” – ดร.นรี ภิญญาวัฒน์
ดร.นรีเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นโครงการว่าเดิมพื้นที่นี้ไม่ได้เป็นป่าอย่างที่เราเห็นกัน แต่ทาง MQDC มีความตั้งใจที่จะสร้างป่าขึ้นมา จึงนำไปสู่แนวคิดการวางผัง Master Plan ที่ต้องการสร้างสังคมแห่งคุณภาพ ส่งเสริมให้คนทุกช่วงวัยได้มาใช้ช่วงเวลาด้วยกันและอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการออกแบบและนวัตกรรมเทคโนโลยี Smart and Innovation Infrastructure ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีสุขภาวะและการเป็นอยู่ที่ดี (Healthy and Well-being Community) และยังสามารถอยู่ร่วมกับย่านชุมชนรอบข้างอย่างกลมกลืน
‘ป่า’ แน่นอนว่าก่อนจะสร้างป่า ทีมงานจะต้องศึกษาระบบนิเวศทั้งหมดตั้งแต่ตอนต้น ทั้งชนิดสายพันธุ์และสายใยความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในธรรมชาติ เพื่อร่างภาพระบบนิเวศที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใน The Forestias by MQDC มีการปลูกป่าหลายชั้นตั้งแต่พืชคลุมดินไปจนถึงไม้เรือนยอดสูงโดยใช้เมล็ดและต้นกล้าพันธุ์ไม้ ทำให้เราสามารถเห็นป่าค่อยๆ เติบโตผ่านรุ่นสู่รุ่น ซึ่งในแต่ละช่วงอายุก็จะมีสัตว์น้อยใหญ่ค่อยๆ ทยอยเข้ามาอาศัยตามการเติบโตของป่า นอกจากนี้ในโครงการยังมีการจัดการต่างๆ ที่ช่วยลดการรบกวนธรรมชาติ เช่น การออกแบบทางเดินสัตว์ ให้สัตว์สามารถข้ามถนนโดยปลอดภัยไม่โดนรถชน หรือจะเป็นการลดแสงรบกวนป่าที่มีมากเกินไปในกลางคืน แต่ยังคงคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้คนเช่นกัน
‘น้ำ’ ในโครงการมีแผนจัดการน้ำที่ช่วยลดการใช้น้ำถึง 31% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ทางโครงการคิดมาแล้วว่าไม่เพียงแค่เป็นการช่วยประหยัดน้ำ แต่ยังสามารถให้ผู้อยู่อาศัยใช้งานได้อย่างสะดวกสบายด้วย โดยโครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่ประหยัดน้ำ และยังนำน้ำจากอาคารที่ผ่านการกรองแล้วกลับคืนสู่ป่าธรรมชาติ
‘พลังงาน’ จุดเด่นของการจัดการพลังงานที่นี่คือ Central Utilities Plant หรือ CUP อาคารสาธารณูปโภคส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในการส่งพลังงานน้ำเย็นผ่านท่อในอุโมงค์ไปยังอาคารพักอาศัยและอาคารต่างๆ ในโครงการเพื่อทำความเย็นภายในอาคาร โดยระบบนี้จะรวมความร้อนไปที่จุดเดียว แล้วส่งน้ำเย็นให้เปลี่ยนเป็นแอร์เย็นหล่อเลี้ยงภายในอาคาร ข้อดีของ CUP คือ สามารถให้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ใช้ยูนิตทำความร้อนน้อยลง ช่วยลดอุณหภูมิในบริเวณอาคารประมาณ 2-3 องศาจากอากาศภายนอก ที่สำคัญคือ ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์ออกสู่อากาศ อันก่อให้เกิดปรากฏการณ์ Urban Heat Island
‘วัสดุ’ จากโจทย์กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว วัสดุที่ใช้ในโครงการจึงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นภัยต่อสุขภาพ และมี Recycled Content ซึ่งเป็นสัดส่วนขององค์ประกอบที่มาจากการรีไซเคิลในเนื้อวัสดุทั้งหมด เป็นส่วนสำคัญทำให้ผ่านการวัดระดับตามเกณฑ์มาตรฐานอาคาร
โครงการ The Forestias by MQDC ได้รับการการันตีการออกแบบเพื่อความยั่งยืนจากเกณฑ์รับรองมาตรฐานอาคารสีเขียวและ WELL มาตรฐานอาคารเชิงสุขภาวะระดับสากลในระดับ Platinum ซึ่ง WELL เป็นมาตรฐานใหม่ที่วัดคุณภาพทั้งน้ำ อากาศ สาธารณูปโภคต่างๆ พื้นที่กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ และสภาพแวดล้อมที่ส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยมีความผ่อนคลายสบายใจ
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมต่างๆ ในโครงการที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน อย่าง การใช้ Solar Roof, การควบคุมเสียงรบกวน และการวางผังระบบสัญจรที่ให้ความสำคัญกับทางเดินเท้าและการใช้จักรยาน เป็นต้น
โครงสร้างอาคารที่เสริมความยั่งยืนให้แก่สถาปัตยกรรม
คุณเรียงศรเล่าว่าด้วยรูปลักษณ์อาคารที่พิเศษและกรอบแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนแล้ว ‘เหล็ก’ จึงเป็นวัสดุโครงสร้างหลักที่ตอบโจทย์มากที่สุด ทั้งในด้านความแข็งแรงทนทาน รองรับการสั่นไหว ลดระยะเวลาในการก่อสร้างและสามารถตอบโจทย์กับดีไซน์ที่ Foster และ Partners ได้ออกแบบไว้ ที่น่าสนใจกว่านั้น เหล็กที่โครงการเลือกใช้ เป็นวัสดุที่มี Embodied Carbon ต่ำ กล่าวคือ เป็นวัสดุที่ก่อให้เกิด Carbon Footprint น้อยในทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การเสาะหาวัสดุตั้งต้น การผลิต การขนส่ง การใช้งาน ไปจนถึงการย่อยสลายหรือการรีไซเคิลของตัววัสดุเอง เรียกได้ว่า ต้องดูตลอดช่วงชีวิตของวัสดุ (Life Cycle) เลยทีเดียว ซึ่ง Embodied Carbon เองยังไม่ถูกกล่าวถึงมากนักในประเทศไทย โครงการ The Forestias by MQDC จึงเป็นเสมือนโครงการนำร่อง สะท้อนกระบวนการก่อสร้างสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืนของไทยในอนาคต
และอีกหนึ่งนวัตกรรมน่าสนใจที่คุณเรียงศรได้นำเสนอ คือ ระบบ Floor Cooling ที่ถูกใช้ในบริเวณ Semi-Outdoor ของอาคาร Forest Pavillion ช่วยรักษาอุณหภูมิให้เย็นกว่าข้างนอกโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ
นอกจากในส่วนของการบรรยายแล้ว งานสัมมนาของเรายังมีกิจกรรมพาผู้เข้าร่วมทุกท่านไปเรียนรู้ระบบนิเวศในห้องนิทรรศการ และพาเดินชมห้องตัวอย่างคอนโดมิเนียมของโครงการอีกด้วย
ในงานสัมมนาครั้งนี้ Dsign Something ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอเรื่องราวแนวคิดการออกแบบและนวัตกรรมการก่อสร้างที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและธรรมชาติให้เติบโตไปพร้อมกัน ผ่านโครงการ The Forestias by MQDC แก่เหล่านักออกแบบให้ได้นำไปต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืนไปด้วยกัน
รับข่าวสารเรื่องการออกแบบ สถาปัตยกรรม ไลฟ์สไตล์
ทางอีเมล ที่จะส่งตรงถึงคุณทุกเดือน ลงทะเบียนได้ที่ด้านล่างนี้เลย!