OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

รู้จักไม้ ก่อนใช้ไม้ในบ้านของคุณ # 1 : ไม้ในประเทศ

เมื่อนึกถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ก็คงหนีไม่พ้น “ไม้” วัสดุที่ใครๆ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าใช้กันแพร่หลายมาอย่างยาวนาน ด้วยภูมิอากาศในบ้านเราทำให้มีป่าไม้มาก ไม้จึงเป็นวัสดุในท้องถิ่นที่หาได้ง่าย และใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือเป็นวัสดุตกแต่ง ด้วยลวดลาย สีสัน ผิวสัมผัสที่ดูสบายๆ อบอุ่น และความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของไม้ จึงทำให้ ไม้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่นิยมนำมาใช้ในงานหลายประเภท แต่การเลือกประเภทไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น ก็นับเป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เช่นเดียวกัน

ประเภทไม้มีให้เลือกทั้งไม้ในประเทศเอง หรือไม้จากต่างประเทศ โดยการเลือกไม้นั้น จำเป็นต้องเลือกชนิดไม้ คุณภาพหรือคุณสมบัติของไม้ให้เหมาะกับประเภทงาน อย่างเช่น การเลือกไม้เนื้ออ่อนมาใช้เป็นไม้โครงสร้างอาจจะเกิดการบิ่นหักได้ง่าย หรือการเลือกประเภทไม้ที่มีไม้ผิวสัมผัสหยาบ ลายไม่สวยมาใช้เป็นส่วนตกแต่ง ก็คงดูไม่สวยงามแน่ๆ จึงควรเลือกนำไม้มาใช้อย่างเหมาะสมเพื่อช่วยให้ไม้มีความคงทน ดูแลรักษาง่าย และมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะเลือกไม้มาใช้ในงาน ไม่ว่าจะเป็นงานประเภทใดก็ตาม ควรศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับประเภทไม้ต่างๆ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน

ไม้ในประเทศ

ภูมิอากาศในบ้านเรา ส่งผลต่อลักษณะและคุณสมบัติของไม้ในประเทศไทย ซึ่งอยู่ในเขตโซนร้อน ทำให้ไม้มีสีเข้ม สีแดง หรือสีน้ำตาลเข้ม และส่วนใหญ่ก็จะเป็นไม้เนื้อแข็งแตกต่างจากไม้ในโซนยุโรป ซึ่งไม้มีสีไม่เข้มมากเท่าบ้านเรา หรือส่วนใหญ่นั้นจะเป็นไม้สีอ่อน ซึ่งจะแบ่งชนิดของไม้ได้เป็น ไม้เนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน ซึ่งลักษณะคุณสมบัติ การนำไปใช้งานก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิดของไม้เช่นเดียวกัน

ไม้เนื้อแข็ง ไม้ชนิดนี้ จะมีวงปีมากกว่าไม้ชนิดอื่น มีระยะเวลาเติบโตช้าและไม้ต้องมีอายุมากถึงจะนำมาใช้งานได้ ไม้ชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีเนื้อไม้ที่มีสีเข้ม เนื้อไม้มีความเหนียวและแข็งแรงมาก จึงมีความทนทานสามารถนำมาใช้กับงานภายนอกที่ต้องตากแดดและโดนฝนได้ดี

ถึงแม้ว่าไม้เนื้อแข็งจะมีข้อดีคือ แข็งแรงและทนทาน แต่ก็มีข้อเสีย คืออาจเกิดการบิดตัวของไม้ เมื่อเวลาเกิดความชื้น ความร้อน หรืออุณหภูมิเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ไม้ หดและขยายตัวได้ ซึ่งไม่เนื้อแข็งทุกชนิดส่วนใหญ่ก็จะเกิดการบิดตัวเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน โดยไม้ที่นิยมใช้ในบ้านเรา มีดังนี้

1. ไม้เต็ง ไม้มีสีน้ำตาลอ่อน ถ้าตัดทิ้งไว้นานสีจะเข้มขึ้น เนื้อไม้มีความแข็งมากทำให้ไสและตัดแต่งได้ยาก เมื่อทิ้งไว้ให้แห้งแล้ว ไม่นิยมใช้สำหรับงานภายในเนื่องจากผิวหยาบและเสี้ยนลายไม้ไม่ค่อยสวยงาม จึงนิยมใช้กับงานโครงสร้างที่ไม่ต้องการความสวยงามมาก เช่น เสา คาน ตง วงกบ ประตูหน้าต่าง เหมาะที่จะใช้กับงานภายนอกเป็นหลัก เนื่องจากทนสภาพดิน ฟ้า อากาศได้ดี

(ภาพจาก www.loftdecor.com)

2. ไม้รัง ลักษณะเนื้อไม้มีสีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อหยาบ แต่มีความแข็งแรงคงทนมาก เมื่อแห้งจะมีความแข็งแรงและคุณสมบัติคล้ายไม้เต็ง แต่ความแข็งแรงนั้นมีน้อยกว่าไม้เต็ง แต่ก็ยังพอที่จะสามารถใช้ทดแทนไม้เต็งได้ แต่ในปัจจุบันไม้รังหายากและมีราคาแพงมาก จึงไม่นิยมนำมาใช้ซักเท่าไหร่ นิยมนำไปใช้ในงานก่อสร้างที่ต้องการรับน้ำหนักมาก เช่น เสา พื้น คาน

3. ไม้แดง ลักษณะไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมแดง ผิวลายไม้มีความชัดเจน เนื้อไม้มีความแข็งแรงทนทาน มีราคาแพงและสัมผัสผิวลาย สีสันของไม้ที่มีความสวยงาม ทำให้นิยมนำมาใช้ในส่วนประกอบโครงสร้างที่เห็นได้ชัด อย่างเช่น พื้น วงกบประตู หน้าต่าง แต่ไม่นิยมนำมาทำเฟอนิเจอร์ เพราะเนื้อไม้มีความแข็งทำให้ขัดแต่งได้ยาก

(ภาพจาก www.loftdecor.com)

4. ไม้มะค่า ลักษณะไม้มีสีน้ำตาลเข้มอมส้ม ไม้มะค่าก็เป็นไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมมาก ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีคือ เนื้อไม้มีความแข็งแรงมาก สีไม้และเส้นลวดลายไม้ชัดเจนสวยงาม คนจึงนิยมใช้กันมาก ซึ่งนำมาใช้เป็น พื้นไม้ หรือ พื้นบันได หรือส่วนโครงสร้างในบ้านที่ต้องการโชว์ให้เห็นผิวไม้ที่มีความสวยงาม ทำให้ปัจจุบันไม้มะค่าหายากและมีราคาแพง ไม้มะค่าบางส่วนจึงนำเข้ามาจากทางแอฟริกา ซึ่งภูมิอากาศแถบนั้น มีลักษณะคล้ายคลึงกับบ้านเรา แต่สีของไม้จะไม่สวยและเข้มเท่าไม้มะค่าในประเทศเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ไม้มะค่าจะมีราคาแพงกว่าไม้แดง

5. ไม้ตะแบก เนื้อไม้สีน้ำตาลอ่อนอมเหลือง สีไม้อ่อนที่สุดในบรรดาไม้ในประเทศจึงสามารถนำไม้ไปย้อมสีตามที่ต้องการได้ง่าย ลายไม้เรียกได้ว่ามีความสวยงามใกล้เคียงกับ ไม้สัก และทำการไสตกแต่งได้ง่าย แต่ในขณะเดียวกันหากโดนความร้อนหรือความชื้น ก็สามารถบิดและโก่งตัวได้ง่ายเช่นกัน จึงนิยมนำมาใช้งานภายในเท่านั้น เช่น พื้นบ้าน บานประตู

6. ไม้ตะเคียน เป็นไม้เนื้อแข็งมากเช่นเดียวกัน และเป็นไม้อีกชนิดที่นิยมนำมาใช้สร้างบ้าน ไม้ตะเคียนจะมีสีออกเหลืองทอง แต่จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มเมื่อทิ้งไว้นานและถูกแสงแดด นิยมนำมาทำวงกบ และพื้นไม้ เนื่องจากมีความคงทนสูงจึงสามารถนำไปต่อเรือได้เช่นเดียวกัน

เนื้อของไม้ตะเคียนนั้น จะมีตำหนิ เรียกว่า “รูมอด” ซึ่งมีลักษณะเป็นรูเล็กๆ อยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งเป็นลักษณะทางธรรมชาติของไม้ชนิดนี้ หลายคนกังวลว่าการที่ไม้มีรูแบบนี้ อาจจะทำให้ไม้ไม่ทนแข็งแรง แต่จริงๆ แล้วรูมอดที่เห็นนั้นไม่ได้มีผลต่อความแข็งแรงของไม้แต่อย่างใด

ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีระยะเวลาการเจริญเติบโตเร็ว ทำให้มีวงปีที่กว้างลายไม้ที่ได้จึงน้อยและไม่ละเอียด เนื้อไม้เลยมีความแข็งแรงทนทานน้อย ไม้ชนิดนี้จะมีสีของไม้แตกต่างกันออกไปมาก ตั้งแต่ไม้ที่มีสีจาง อ่อนไปจนถึงสีเข้ม เนื้อไม้ไม่แข็งมากนักจึงไม่นำนิยมนำมาใช้เป็นส่วนของโครงสร้างที่ต้องการรับน้ำหนัก และเนื่องจากเนื้อไม้อ่อนและไม่ค่อยทนทาน ทำให้ทำงานตกแต่งภายในหรือเฟอร์นิเจอร์ได้ง่าย แต่ก็ไม่เหมาะที่จะใช้กับงานภายนอกที่ต้องตากแดดตากฝน เลยนิยมนำมาใช้กับงานตกแต่งภายใน เฟอนิเจอร์ หรือส่วนโครงสร้างที่ไม่ได้รับน้ำหนัก

1. ไม้สัก เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีลวดลายสวยงามและคุณภาพดีที่สุด เนื้อไม้มีสีน้ำตาลทอง ผิวลาย

ไม้ตรง ละเอียดสวยงาม ไม้เกิดการบิดงอโก่งตัวได้ยาก ไม้สักที่ดีจะต้องใช้เวลานานมากในการเจริญเติบโต ไม้สักที่มีอายุมาก จะผลิตน้ำมันธรรมชาติของสักซึ่งมีกลิ่นที่ปลวกไม่ชอบ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า ไม้สักไม่โดนปลวกกิน แต่หากเป็นสักปลูกที่โตเร็ว จะไม่มีน้ำมันชนิดนี้สะสมอยู่ในเนื้อไม้ ปลวกจึงเลือกกินไม้สักชนิดนี้ได้เช่นกัน หรือที่เรียกไม้สักชนิดนี้ว่าเป็นไม้สักที่ได้จากป่าปลูก ซึ่งระยะเวลาการปลูกยังไม่ยาวนานพอที่จะเกิดน้ำมันตามธรรมชาติ จึงแก้ปัญหาด้วยการอาบน้ำยากันปลวกแทนก็สามารถช่วยป้องกันปลวกได้อีกทางหนึ่ง

ไม้สักที่ดีที่สุด คือ ไม้สักทองซึ่งในสมัยนี้ ค่อนข้างหาได้ยากมาก ไม่มีการนำมาใช้เป็นไม้จริงล้วนๆ เนื่องจากมีราคาสูง นิยมนำมาทำเป็นไม้วีเนียร์เพื่อใช้ปะผิวไม้ชนิดอื่นแทน จะนิยมใช้ในงานที่มีราคาแพง เช่น นำไปใช้เป็นผิวของเรือยอร์ช  เนื่องจากไม้สักเป็นไม้ที่มีความสวยงามและคงทน จึงนิยมเลือกใช้ไม้ชนิดนี้เป็นส่วนประกอบโครงสร้างหรือส่วนต้องการความสวยงามประณีต เช่น บานประตู หน้าต่าง เฟอนิเจอร์

2. ไม้ยางพารา ต้นยางพาราเป็นต้นไม้โตเร็ว ในสมัยก่อนยังไม่ค่อยมีการนำมาใช้ในลักษณะของไม้แปรรูป แต่จากการที่ไม้ยางโตเร็วและมีมาก ทำให้สามารถนำมาใช้ในระบบอุตสาหกรรมได้ แต่เนื่องจากต้นยางนั้นจะมีสารอาหารของปลวกและเชื้อรา ทำให้เกิดการพัฒนากระบวนการปรับปรุงคุณภาพของไม้ด้วยการอัดน้ำยากันปลวกและอบแห้งเพื่อให้เนื้อไม้คงทนแข็งแรง ทำให้สามารถนำมาใช้งานได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากไม้ยางพารานั้น ราคาไม่แพง สามารถหาได้ง่าย และมีข้อดีอีกอย่างคือ เป็นไม้สีอ่อน ทำให้สามารถนำไปทำสีได้ง่ายด้วย ดังนั้นจะเห็นว่าเดี๋ยวนี้มีการนำไม้ยางมาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง และหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีการต่อไม้แบบ FJL (Finger Joint Laminate) ที่สามารถนำไม้ยางท่อนสั้นๆ มาต่อกันเพื่อให้ได้ไม้ยาวมากขึ้น ซึ่งมีความแข็งแรงทนทานมาก และนิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของบ้านแล้วเช่นกัน เช่น ประตู วงกบ ประตู ไม้พื้นบันได เฟอนิเจอร์

3. ไม้จำปา ลักษณะเนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อนจึงสามารถย้อมทำสีได้ง่าย เนื้อไม้ละเอียด เสี้ยนน้อยแต่ไม่คงทนต่อความชื้น ดังนั้นควรใช้ในส่วนของงานภายในอาคาร เช่น ประตู ในสมัยก่อนไม่นิยมนำไม้จำปามาใช้ในส่วนประกอบของบ้าน เนื่องจากสมัยก่อนนิยมใช้ไม้จำปาเป็นไม้สำหรับต่อโลงศพ คนส่วนใหญ่ที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ ก็จะไม่นิยมใช้ไม้ชนิดนี้สำหรับสร้างบ้าน แต่ปัจจุบันในอุตสหกรรมไม้แปรรูปก็จะเห็นว่ามีการใช้ไม้จำปามากขึ้น

4. ไม้มะม่วง ทุเรียน ขนุน เรียกได้ว่าเป็นไม้หัวไร่ปลายนา เกิดจากการที่หาได้ง่าย มีมากและราคาถูก แต่เป็นไม้เนื้ออ่อน ที่จำเป็นต้องนำมาผ่านกรรมวิธีอัดน้ำยากันปลวกและอบแห้ง จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ดี ส่วนใหญ่จึงนิยมนำไม้ มาทำ เฟอร์นิเจอร์ เพราะเนื้ออ่อน สามารถ ไส ตัด ตกแต่งได้ง่าย

ทั้งหมดนี้คือไม้ไทยๆที่นิยมใช้กัน ครั้งหน้ามาดูว่ามีไม้ต่างประเทศอะไรบ้างที่เราคุ้นเคย และเอาไปใช้อย่างไรได้บ้างครับ

Discover more from Design Makes A Better Life.

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading