การตกแต่งสวน นอกจากการเลือกต้นไม้ที่จะนำมาปลูกแล้ว การเลือกวัสดุปูพื้นสวน ก็สำคัญเช่นกัน เพราะมีส่วนช่วยลดพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ลง ทำให้เราสามารถลดภาระการดูแลสวนตามไปด้วย หากใครที่คิดว่าพื้นสวนที่บ้านโล่งไป สามารถตกแต่งเพิ่มลูกเล่นให้กับพื้นสวนได้ด้วยการใช้ “วัสดุปูพื้น” ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องดินเผา, กระเบื้องหินขัด, หิน, แผ่นหินปูพื้น, แผ่นซีเมนต์ปูพื้น หรือแผ่นไม้ปูพื้น เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับสวนในบ้านของคุณก็ได้เช่นกัน
.
ซึ่งแผ่นทางเดินที่นิยมกันในท้องตลาดนั้นแบ่งเป็น 2 หมวดใหญ่ๆ ด้วยกัน คือแผ่นทางเดินจากธรรมชาติและแผ่นทางเดินซีเมนต์ ทั้งคู่มีดีไซน์หลากหลาย ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับคุณสมบัติของแต่ละวัสดุที่มีความต่างไม่แพ้กัน
– แผ่นทางเดินจากธรรมชาติ ได้แก่ แผ่นศิลาแลง หินภูเขาเมืองกาญจน์ หินทราย ไม้หมอน ซึ่งแผ่นทางเดินจากธรรมชาติเหล่านี้มักจะอยู่ในงานดีไซน์สวนแบบ Tropical เพราะมีคุณสมบัติที่สามารถกักเก็บความชื้นได้นาน ทำให้พื้นที่สวนมีความร่มเย็นด้วย
– แผ่นทางเดินสำเร็จรูป ได้แก่ แผ่นทางเดินซีเมนต์ และแผ่นหินสังเคราะห์ ซึ่งวัสดุเหล่านี้ผ่านกระบวนการขึ้นรูปด้วยระบบอุตสาหกรรม จึงมีขนาดที่เป็นมาตรฐาน ตั้งแต่ 20×20 และ 40×40 เซนติเมตรขึ้นไป ทำให้สามารถคำนวณจำนวนที่ต้องใช้ได้อย่างแม่นยำ และง่ายต่อการจัดวาง
อิฐมอญ
ถือได้ว่าวัสดุที่นิยมใช้ในสวนกันมานาน ในสมัยก่อนเรามักใช้อิฐมอญกับสวนเมืองร้อน เพราะดูกลมกลืนไปกับธรรมชาติและมีราคาไม่แพงนัก ที่สำคัญมีคุณสมบัติกักเก็บความชื้นได้ดี จึงทำให้ภายในสวนเย็นสบาย แต่ถ้าปูในบริเวณที่มีความชื้นสูง ก็อาจทำให้เกิดตะไคร่ได้ แต่ในปัจจุบันมักนำอิฐมอญมาใช้กับการจัดสวนสไตล์ English Cottage ซึ่งก็เข้ากันได้ดีไม่แพ้กัน โดยนำมาทำเป็นทางเดิน ลานกระบะต้นไม้สำหรับปลูกพืชผักสวนครัว ให้ความรู้สึกอบอุ่น ดูสบายๆ
หินธรรมชาติ
รูปแบบหนึ่งของวัสดุที่สร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติได้ดีที่สุด นิยมนำมาปูเป็นทางเดิน โดยจะเว้นช่องระหว่างแผ่นหินแต่ละก้อน และปลูกไม้คลุมดินที่มีลักษณะทอดเลื้อยต้นเล็กๆ หินธรรมชาติที่นิยมใช้กันมีหลายแบบ ได้แก่ หินภูเขา หินกาบ เป็นต้น
แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป
อีกหนึ่งวัสดุที่นิยมใช้ปูพื้นในสวน ด้วยลักษณะที่เป็นแผ่นจึงทำให้ขนย้ายได้ง่าย บวกกับผิวสัมผัสและสีเทาอมดำของตัวคอนกรีตเอง จึงมักนิยมใช้ปูในสวนสไตล์โมเดิร์น โดยจะปูเป็นลานทางเดิน และเว้นช่องว่างระหว่างแผ่น หรือเว้นขอบทั้งสองข้างทางเดิน แล้วโรยกรวดหรือปลูกไม้คลุมดินแทน เพื่อลดความแข็งกระด้างของแผ่นคอนกรีต และช่วยในเรื่องการระบายน้ำขังลงสู่พื้นดินได้อย่างรวดเร็ว
ไม้และไม้สังเคราะห์
ไม้เป็นวัสดุที่ให้สัมผัสแบบธรรมชาติได้ดีอยู่แล้ว การใช้ไม้ในสวนนิยมทำเป็น Deck ไม้ ต่อยื่นออกมาจากตัวบ้าน หรือปูพื้นศาลาในสวน แต่ไม่ควรปูในระดับเดียวกับพื้นดิน เพราะความชื้นจากดินจะทำให้ Deck ไม้ผุพังเร็ว จึงควรยกสูงจากพื้นขึ้นมาอย่างน้อย 25 เซนติเมตร ส่วนพื้นด้านล่างควรเป็นคอนกรีตที่ปรับสโลปให้ลาดเอียงเล็กน้อย เพื่อให้ระบายน้ำได้ดี หรืออัดทรายให้แน่นและปูตาข่ายพลาสติกทับอีกชั้น เพื่อช่วยป้องกันวัชพืชขึ้นใต้พื้น อย่างไรก็ตามควรมีการดูแลพื้นไม้อย่างสม่ำเสมอ ควรทาสีไม้ใหม่ประมาณปีละครั้งเพื่อรักษาเนื้อไม้ และยืดอายุการใช้งาน
Cobblestone
เป็นวัสดุที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ในเวลานี้ ด้วยลักษณะก้อนรูปสี่เหลี่ยม มีให้เลือกใช้ทั้งแบบจัตุรัสและผืนผ้า เมื่อนำมาวางเรียงต่อกันจะให้เท็กซ์เจอร์บนพื้นสวนที่ดูสวยงามแปลกตา ทั้งยังดูเข้ากับสวนได้หลายสไตล์
Carpet Stone
หินสังเคราะห์ที่ปูสำเร็จมาเป็นผืน มีให้เลือกหลายลวดลาย นิยมใช้แทน Cobblestone เพราะมีหน้าตาและผิวสัมผัสที่ใกล้เคียงกัน แม้ว่าจะดูไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับคอบเบิลสโตน แต่สามารถปูได้ง่ายและรวดเร็วกว่า โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียงทีละก้อน
Tips : วิธีการปูทางเดินในสวน
1) ปรับหน้าดินให้เรียบเป็นทางเดินยาวในแบบที่ต้องการ
2) ใช้ทรายรองหน้าดินอีกชั้นเพื่อให้ระบายน้ำลงสู่ดินได้อย่างรวดเร็ว หรืออาจจะให้เทคนิคอื่นๆ เข้าช่วยอาทิ ปูตาข่ายพลาสติก หรือจะเทซีเมนต์เจาะรูระบายน้ำให้ทั่ว ก็จะมีความคงทนยิ่งขึ้น
3) วางแผ่นทางเดินตามระยะที่กำหนดไว้จากนั้นก็ตกแต่งรอบๆ ทางเดินตามที่ออกแบบไว้
ทางเดินในสวนก็เหมือนกับพื้นทางเดินในบ้าน ถึงแม้วัสดุที่ใช้จะมีความคงทนต่อสภาพอากาศมากกว่าวัสดุปูพื้นบ้าน แต่นานวันเข้าก็อาจเกิดคราบตะไคร่น้ำหรือคราบสกปรกได้เหมือนกัน ฉะนั้นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการดูแลรักษาความสะอาดของทางเดิน และถ้าหากเกิดปัญหาน้ำท่วมขังก็ให้รื้อแผ่นทางเดินออก แล้วกำจัดวัชพืชที่อาจจะขึ้นในชั้นดินที่แผ่นทางเดินทับอยู่ เพียงเท่านี้แผ่นทางเดินก็จะโล่ง สบายตา น่าเดินเหมือนเดิม
cr picture : Pinterest