วันนี้ DsignSomething.com มีโอกาสมาเยี่ยมชมโครงการ THE CITY พัฒนาการ by AP ครับ เป็นโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้ชื่อ THE CITY ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมานี้ โดยแนวคิดในการออกแบบและเลือกทำเลที่ตั้งของ THE CITY พัฒนาการ คือการสร้างอาณาจักรที่เงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นสถานที่ชาร์ตพลังชีวิต แต่ในขณะเดียวกันก็เดินทางสะดวก เข้าเมืองก็ง่ายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ THE CITY พัฒนาการ คลิกที่นี่เลย … แต่สำหรับตอนนี้ เราจะพาไปพบกับสิ่งที่สะดุดตา สะดุดความรู้สึกของเรา และคิดว่าเป็นการออกแบบที่ดี ที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ไปชมกันเลยครับ
1. สถาปัตยกรรมไม่หวือหวา แต่สวยและอยู่ได้นาน
เพราะอะไรที่โดดเด่นหรือหวือหวาเกินไป ก็มักจะหมดความน่าตื่นเต้น ความน่าสนใจไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่สำหรับที่นี่ ผู้ออกแบบคิดถึงความเรียบง่ายที่สามารถเข้ายุคเข้าสมัยได้นาน เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งที่เราคุ้นตา แต่มีรายละเอียดบางอย่างที่ทำให้ตัวงานไม่น่าเบื่อเกินไป
……………………………….
2. ส่วนกลาง อลังการ มีระดับ
ส่วนกลางของที่นี่ประกอบด้วย Lobby รับรองแขก, สระว่ายน้ำ, สนามเด็กเล่น, ห้องออกกำลังกาย, ห้องเอนกประสงค์, co-working space, และสวนขนาดใหญ่ที่กระจายตัวไปตามจุดต่างๆของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้วัสดุโดยการใช้วัสดุที่มีความมันวาวอย่างทองแดง หรืออลูมิเนียม ตัดกับวัสดุธรรมชาติอย่างหินอ่อน เป็นต้น เพิ่มความน่าสนใจ และมีระดับไปอีกขั้น เหมาะสำหรับการเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ทุกคนได้มาใช้งาน
……………………………….
3. ออกแบบโดยคิดถึงทิศทางของแดดและลม
ที่นี่ยังออกแบบตัวอาคารที่อิงกับสภาพอากาศ และทิศทางของแดดและลมที่เกิดขึ้นจริง เช่นในส่วนของอาคาร Lobby ซึ่งด้านบนนั้นเป็นห้องออกกำลังกายและห้องเอนกประสงค์ ได้ออกแบบให้อาคารนั้นเป็นแบบกึ่งเปิดโล่ง เพื่อให้มีการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนได้ดี ในส่วนที่มีแสงแดดสาดส่อง ก็จะมีการออกแบบแผงระแนงเพื่อกรองแสง ให้กระทบสู่ห้องภายในน้อยลง และร้อนน้อยลงนั่นเอง
……………………………….
4. ส่วนกลางน่าใช้งานด้วยมุมมองเปิดโล่ง
พื้นที่ส่วนกลางอย่างห้องออกกำลังกาย ออกแบบให้เปิดโล่งและรู้สึกไม่อึดอัด เป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับการเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่อาจมีผู้คนมาใช้งานมาก การออกแบบฝ้าสูง ผนังกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้า จึงช่วยให้ห้องดูน่าใช้งานและไม่อึดอัด
……………………………….
5. มี Co-Working Space ให้ลูกบ้านได้ใช้งานด้วย
ห้องเอนกประสงค์ที่มีโต๊ะ ปลั๊กไฟ และ Wifi พร้อมนี้ คือส่วนของ Co-Working Space ที่โครงการมีไว้ให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่น่าจะมีการใช้งานที่คุ้มค่าและได้รับความสนใจจากลูกบ้านไม่น้อย ลูกบ้านสามารถออกมาจากบ้าน มาพักผ่อนหรือทำงานในพื้นที่ส่วนกลางได้ รวมไปถึงประชุมเล็กๆ เชิญคนภายนอกเข้ามาก็สามารถทำได้เช่นกัน ห้องนี้เหล่าฟรีแลนซ์ หรือ คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวที่ไม่ต้องเข้าออฟฟิศน่าจะถูกใจไม่น้อย
……………………………….
6. สวน(น่า)สนุก มีลูกเล่นแปลกตา ส่งเสริมการใช้งานนอกตัวบ้าน
ด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นกึ่งศาลากึ่งห้อง ประกอบกับทางเดินลาดเอียงสู่ตัวอาคารที่ดูน่าสนใจ มีลูกเล่นเรื่องระดับ เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่น พักผ่อน รวมถึงมานั่งทำงาน พาลูกๆมานั่งสอนการบ้าน เปลี่ยนบรรยากาศได้สบายๆ เพราะมีปลี๊กไฟเตรียมไว้ให้ด้วย
……………………………….
7. เลือกใช้วัสดุเหมาะสม ทนทานแต่ดูเป็นธรรมชาติ
สมัยนี้มีวัสดุทางเลือก ที่ดูเป็นธรรมชาติแต่มีความทนทานกว่าวัสดุธรรมชาติมากมาย ที่ THE CITY พัฒนาการ มีแนวคิดในการใช้วัสดุเหล่านี้เช่นกัน เช่นในส่วนพื้นที่พักผ่อนกลางสวนรูปทรงโมเดิร์นนี้ ใช้วัสดุทนแทนไม้มาปิดผิวอาคารที่เป็น UPVC ลายและสีไม้ ช่วยลดความยุ่งยากในการดูแลรักษาได้ แต่ก็ยังคงดูคล้ายไม้จริง ได้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติตามที่ต้องการ และวัสดุนี้ยังคายความร้อนได้เร็ว ทำให้ขณะใช้งาน บริเวณนี้จึงไม่ร้อนนัก
……………………………….
8. สวนภายในโครงการมีขนาดใหญ่ และมีกระจายไปทั่วโครงการ
พื้นที่สวนและต้นไม้ ถือเป็นสิ่งที่วัดคุณภาพการอยู่อาศัยภายในโครงการหมู่บ้านจัดสรรสักแห่งหนึ่งได้ดี เช่นเดียวกับที่ THE CITY พัฒนาการ ที่ชูเรื่องสวนขึ้นมาเป็นจุดขายอันดับต้นๆ ซึ่งเมื่อได้สัมผัสจริงๆ ก็รู้สึกได้ถึงความตั้งใจให้มีสวนและพื้นที่สีเขียวที่มากพอ กระจายตัวเป็น 3 จุดใหญ่ๆทั่วหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีแนวคิดของสวนและอาคารประกอบที่น่าสนใจ โดยสอดแทรกแนวคิดเรื่อง “การใช้ชีวิตนอกบ้าน” เข้าไปในสวนได้อย่างน่าสนใจ
……………………………….
9. แปลนบ้านทันสมัย ใช้งานได้สะดวก
แปลนบ้านของที่นี่ค่อยข้างตอบโจทย์ความหลากหลายของทุกคน มีขนาดตั้งแต่ 175 ตารางเมตร ไปจนถึง 375 ตารางเมตร ที่สามารถจอดรถได้ 3 คัน ทุกๆแบบเน้นการออกแบบที่เรียบง่ายลงตัว เป็นแปลนบ้านแบบ Open Plan ที่ชั้นล่าง เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น รับประทานอาหาร และแพนทรี่เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้พื้นที่ชั้นล่างนี้ดูโปร่งสบายไม่อึดอัด
……………………………….
10. ประตูหน้าต่างใหญ่และกว้าง ดึงธรรมชาติเข้ามาได้ดี
ผู้ออกแบบเข้าใจความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี จึงออกแบบบ้านเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกบ้านมากที่สุด เช่นการดึงธรรมชาติเข้ามาภายในบ้าน เพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งการพักผ่อน เป็นการชาร์ตพลังหลังจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน และนอกจากจะได้เข้าใกล้ธรรมชาติแล้ว ช่องเปิดเหล่านี้ยังเป็นทางเข้าของแสงธรรมชาติ ทำให้บ้านโปร่งสบาย และเมื่อเปิดประตูหรือหน้าต่าง ก็จะเป็นการระบายความร้อนให้บ้านได้ถ่ายเทอากาศได้ด้วย
……………………………….
11. ฟังก์ชั่นบ้าน ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
AP เข้าใจในความต้องการที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย จึงออกแบบบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยที่ชั้นล่าง สามารถทำเป็นห้องทำงาน ห้องอ่านหนังสือ ห้องโฮมเธียร์เตอร์ หรือแม้แต่ห้องผู้สูงอายุ ก็สามารถทำได้ โดยรูปแบบของตัวบ้านนั้น เอื้อให้การใช้งานเป็นไปอย่างสะดวกสบาย และปลอดภัยที่สุด
……………………………….
12. การคิดถึงความสะดวกสบายและปลอดภัย
เพราะผู้ออกแบบ คำนึงถึงการใช้งานของผู้อยู่อาศัย จึงออกแบบทางลาดเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานจริง ซึ่งจะใช้เป็นทางสำหรับ Service เข็นรถขนของ หรือใช้เป็นทางลาดสำหรับรถเข็นผู้สูงอายุก็ได้เช่นกัน
……………………………….
13. ออกแบบพื้นที่เพื่อความหลากหลาย
บ้านทั้งหมดนั้นมีความสูง 2 ชั้นก็จริง แต่ภายในจะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่แสดงให้เห็นว่า AP ให้ความสำคัญกับผู้อยู่อาศัย โดยการออกแบบพื้นที่ “เผื่อ” ให้เจ้าของบ้านได้ใช้งานตามที่ต้องการ เช่น พื้นที่ชั้นลอยเล็กๆ ที่ต่อเนื่องขึ้นไปจากชั้น 2 เป็นพื้นที่ขนาดย่อม ที่สามารถนำมาใช้เป็นห้องพระ ชั้นวางพระ หรือทำเป็นพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ นั่งพักผ่อนอีกมุมหนึ่งของบ้านก็ย่อมได้
……………………………….
14. การตกแต่งที่เรียบง่าย มีความอบอุ่น มีความรู้สึกของการอยู่ “บ้าน”
เพราะสถาปัตยกรรมแบบ “บ้าน” ต่างจากสถาปัตยกรรมประเภทอื่น กล่าวคือบ้านต้องมีความ “น่าอยู่” มีความเป็นบ้านที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างสบายใจ ต่างจากอาคารประเภทอื่น เช่นห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสำนักงาน ที่อาจจะต้องการความโดดเด่น แปลกตา แต่บ้านต้องสื่อสารถึงความเป็นมิตร อบอุ่น และปลอดภัย AP จึงออกแบบรูปทรงของบ้านให้ดูร่วมสมัย ไม่มากไม่น้อยเกินไป กล่าวคือยังมีรายละเอียดบางอย่างเช่นคิ้ว บัว และหลังคาทรงปั้นหยา ที่เหมาะกับการเป็นบ้านมากที่สุด
……………………………….
15. บ้านที่กล้าเปิดฝ้าสูง (Double Space) เพื่อให้ได้มาซึ่งความโปร่งสบาย
หลายครั้งเราพบว่าบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยมาก กลายเป็นบ้านที่อึดอัด อยู่ไม่สบาย กลับกัน บ้านที่มีการเว้นพื้นที่บางส่วนเพื่อความน่าอยู่ที่มากขึ้น กลายเป็นบ้านที่น่าสนใจกว่า บ้านของ THE CITY พัฒนาการ มีการเว้นพื้นที่ชั้น 2 เพื่อเปิดเป็น Double Space จากพื้นถึงฝ้า แม้จะเสียพื้นที่ที่ชั้น 2 ไป แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคือความสบาย ความโปร่งโล่ง และบรรยากาศน่าอยู่ ที่มีคุณค่ากับผู้อยู่อาศัยมากกว่าสิ่งใด
……………………………….
16. ห้องนอนที่เล็กที่สุดของที่นี่ ก็ยังสามารถลงเตียง Queen Size ได้
ข้อนี้น่าสนใจมากๆ เพราะส่วนใหญ่ในโครงการบ้านจัดสรรจะให้ความสำคัญกับห้องนอน Master มากที่สุด คือมีขนาดใหญ่สุด ตำแหน่งของห้องก็ดีที่สุด แต่ที่ THE CITY พัฒนาการ ใส่ใจกับห้องนอนทุกห้อง โดยออกแบบห้องนอนที่เล็กที่สุดนั้น ให้มีขนาดใหญ่กว่าปกติที่เคยทำ โดยอย่างน้อยต้องสามารถวางเตียง Queen Size ได้ ซึ่งถือว่าเป็นการให้ความสำคัญ ในคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยจริงๆ
……………………………….
17. ครัวใหญ่ ใช้งานได้จริง ไม่ต้องต่อเติมเพิ่ม
จุดที่ผู้คนจะทำการต่อเติมมากที่สุด หลังจากซื้อบ้านจัดสรรแล้วก็คือ ส่วนของครัวนั่นเอง นั่นอาจเป็นเพราะบ้านหลังนั้นๆ มีการออกแบบจัดพื้นที่ครัวที่ไม่ตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้าน หรือมีขนาดและรูปแบบที่ไม่เหมาะสม แต่สำหรับ THE CITY พัฒนาการ มั่นใจได้เลยว่าเมื่อซื้อบ้านแล้ว คุณจะไม่ต้องการต่อเติมอะไรอีก เพราะทุกรายละเอียดได้ผ่านการออกแบบมาแล้วเป็นอย่างดี เช่นส่วนครัวนี้ จะมีการบิวท์เคาท์เตอร์ครัวให้เสร็จ พร้อมเตาระบบแก๊ส และพื้นที่ห้องครัวที่ใหญ่พอสำหรับการใช้งานจริงๆ และการระบายอากาศที่ดีเยี่ยมพร้อมใช้งาน
……………………………….
ทั้ง 17 ข้อนี้อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่เรารู้สึกได้ หลังจากสัมผัสโครงการและบ้านตัวอย่างมา สำหรับใครที่กำลังมองหาบ้านคุณภาพ ที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจผู้ใช้งาน ลองเข้าไปดูที่ THE CITY พัฒนาการ โครงการบ้านเดี่ยวบนถนนพัฒนาการตัดใหม่ ได้ครับ หรือติดต่อได้ที่ 1623 และ http://www.apthai.com