สถาปนิกก. : วันก่อนครับ
สถาปนิกข. : ยังไงครับ
สถาปนิกก. : แม่เดินมาบอกว่าจะต่อครัวหลังบ้านออกแบบให้หน่อยสิ
สถาปนิกข. : โหถนัดเลยดิเรียนมา…
สถาปนิกก. : ด้วยความอยากโชว์ของงานแรกที่จะแสดงให้ที่บ้านเห็นว่าที่เรียนมามีประโยชน์เลยออกแบบเต็มที่พอเอาแบบร่างแบบไปให้แม่ดูเท่านั้นล่ะแม่ร้องเลย…
สถาปนิกข. : ร้องโอ้โหวววสวยมากลูกสมแล้วที่เรียนมา…
สถาปนิกก. : ร้องโอ้โหวววนี่มึงเรียนมา 5 ปีออกแบบได้แค่นี้!!!
……….
ใช่ครับ“แม่“คือสิ่งมีชีวิตที่ดีลด้วยยากที่สุดโดยเฉพาะเรื่องของ“บ้าน“ที่เขาอยู่อาศัยหรือบ้านของครอบครัวทฤษฎีการออกแบบที่เหล่าสถาปนิกได้เรียนมาจะถูกลบล้างด้วยทฤษฎีของ “แม่“
หลายครั้งที่เราพยายามหาเหตุผลมากมายเพื่อไม่ให้เขาทาผนังบ้านด้วยสีเขียวหรือสีชมพูมันก็ไม่หนักแน่นพอเมื่อเทียบกับความสวยงามในสายตาของคนรุ่นแม่ที่มองว่าสีสดใสไร้ความพาสเทลนั้นคือความดีงามและทำให้บ้านของเรานั้นโดดเด่นสะดุดตาและแม่ก็มักให้เหตุผลว่า“เวลาคนมาส่งแก๊สจะได้จำบ้านเราได้เพราะสีสวยไม่มาผิดบ้าน“
ผมเคยออกแบบห้องทำงานให้แม่เมื่อตอนที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆเป็นห้องทำงานเล็กๆที่สร้างเพิ่มขึ้นในสวนหลังบ้านด้วยความรู้ที่พอมีตอนเรียนเราก็จะพอทราบเรื่องกฎหมายและเรื่องการก่อสร้างบ้างว่าไม่ควรสร้างชิดติดรั้วและอาคารเดิมเพราะมีเรื่องกฎหมายการ setback และการทรุดตัวของอาคารที่ไม่เท่ากับบ้านเดิมทำให้ตอนนั้นออกแบบได้ห้องที่ค่อนข้างเล็กแต่ถูกต้องตามหลักการและถูกกฎหมายการ setback ทุกอย่างแต่เมื่อก่อสร้างจริงการแก้ไขหน้างาน (โดยแม่สถาปนิก) ก็เริ่มขึ้น…
ด้วยความที่ไม่ได้เข้าไปดูหน้างานบ่อยนักกลับไปทุกครั้งก็จะเจอการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ตรงแบบด้วยฝีมือการสั่งงานของแม่… สุดท้ายห้องทำงานในสวนขยายขอบเขตเกือบเต็มพื้นที่ว่างถ้าเรียกว่ามีใครไปฟ้องว่าบ้านนี้ก่อสร้างไม่ถูกกฎหมายก็คงไม่มีอะไรไปโต้แย้งได้แถมยังสร้างมาติดกับบ้านเดิมโครงสร้างเก่าและใหม่นั้นเชื่อมประสานกันเป็นเนื้อเดียว… โอ้วแม่เจ้าความสนุกกำลังรอเราอยู่แน่นนอน
แน่นอนว่าเวลาผ่านไป 3 ปี (ดีที่ไม่มีใครไปฟ้องเขต 555) โครงสร้างบ้านเริ่มทรุดส่วนใหม่ทรุดตัวมากกว่าส่วนบ้านเก่าค่อยๆดึงผนังบ้านเก่าให้เสียหายมากขึ้นทุกวันแม่เป็นกังวลมากและผมเองก็คงจะไม่ย้อนกลับไปพูดถึงวันนั้นวันที่ได้ออกแบบห้องทำงานในสวนในแบบที่มันควรจะเป็นเพราะถึงตอนนี้การแก้ไขสิ่งที่อยู่ข้างหน้าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หากมองในมุมของการทำงานการคุยเรื่องการออกแบบกับแม่อาจเป็นการฝึกฝนทักษะในการนำเสนองานให้เก่งขั้นมืออาชีพได้อย่างรวดเร็วเพราะแม่น่าจะเปรียบได้กับลูกค้าที่ใช้อารมณ์ส่วนตัวมากที่สุดคนหนึ่งมีเรื่องฮวงจุ้ยเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่มากแถมยังมีเป้าหมายในการทำงานที่ไม่ชัดเจนวันก่อนอาจบอกว่าอยากได้อย่างหนึ่งแต่อีกวันอาจเปลี่ยนไปแบบไม่มีเหตุผลใดๆซัพพอร์ต
ในสายตาของคนเป็นแม่ยังไงไอลูกคนนี้ก็ยังคงดูเป็นเด็กน้อยแม้มันจะจบสถาปัตย์มีงานสร้างจริงมากมายหรือจะได้รางวัลชนะการประกวดแบบมาจากไหนแต่เรื่องบ้านเรื่องสวนของที่บ้านหรือแม้แต่เรื่องการจัดห้องนอนของมันเองก็ยังเป็นเด็กน้อยในสายตาของ“แม่สถาปนิก“เสมอแต่เมื่อเติบโตมาถึงจุดหนึ่งจุดที่เรามองว่าการออกแบบมันไม่ใช่ Pinterest ไม่ใช่ความเรียบเท่แต่จริงๆแล้วมันคือเรื่องของชีวิตเรื่องของความสุขที่ได้เลือกออกแบบพื้นที่ของตัวเองสิ่งที่แม่ได้ทำมาตลอดนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ผิดแปลกอะไรเราเองที่เป็นสถาปนิกมากกว่าที่จะต้องมีหน้าที่ถ่วงสมดุลความต้องการต่างๆของคนให้เกิดผลสุดท้ายที่ดีต่อทุกฝ่ายมากที่สุดบ้านที่ออกแบบอาจไม่สวยสีอาจสดแยงตาบ้างแต่ถ้าเป็นบ้านที่อยู่สบายไม่รั่วไม่ร้อนและที่สำคัญมีรอยยิ้มลอยไปทั่วบ้านเท่านี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรจะเป็นมากที่สุดแล้วรัก… แม่สถาปนิก