OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

ทำไมคนนับล้านถึงหลั่งไหลไปชมสุดยอดงานนวัตกรรมระดับโลก World Expo Milano 2015 ?

มันคืองานอะไร? ทำไมถึงได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก?
1

(ภาพจาก http://www.alamy.com/stock-photo-milan-italy-june-04-2015-crowd-at-the-gate-expo-2015-83555678.html)

คำตอบอาจเป็นเพราะนี่คืองานมหกรรมแสดงผลงาน-นิทรรศการนวัตกรรมระดับสากลที่ชนชาติทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย โดยจะมีการจัดตั้งหัวข้อคอนเซปที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกในขณะนั้น มีประเทศเข้าร่วมเป็นสมาชิกในปัจจุบันกว่า 164 ประเทศ ทำให้สเกลงานมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองแค่เพียงอันดับ 1 และ 2 คือการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และฟุตบอลโลก และจัดขึ้นในวาระครบทุกๆ 5 ปีจะมีงานใหญ่ขึ้นมาครั้งนึง ต่อเนื่องยาวนานมากว่า 150 ปีแล้ว2

(ภาพจาก http://issuu.com/lynnlin8/docs/the_crystal_palace)

” World Expo” แต่เดิมใช้ชิ่อว่า World’s fair ก่อนจะมาเปลี่ยนมาใช้คำว่า Expo ( ที่ย่อมาจากคำว่า Exposition) งานมหกรรมโลกนี้จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1851 ที่สวนไฮด์พาร์ค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ  สถานที่จัดงานใช้ตึก The Crystal Palace เป็นส่วนแสดงงานหลัก อาคารผนังกระจกซึ่งสร้างขึ้นเพื่อจัดงานในครั้งนั้นเฉพาะ  ก่อนหน้าที่ในภายหลังตึก The Crystal Palace จะถูกรื้อและย้ายมาตั้งอยู่ในย่าน Crystal Palace ประจำทีมฟุตบอลคริสตัลพาเลซนั่นเอง3

(ภาพจาก http://global.britannica.com/topic/worlds-fair)

World Exposition เป็นงานเทศกาลที่แต่ละประเทศมาปล่อยของ นำเสนอนวัตกรรมเพื่ออนาคต ว่ามีอะไรน่าสนใจในประเทศของตัวเองบ้าง  ย้อนไปในช่วงบุกเบิกที่จัดงานในปี 1851-1938 ยุคแห่งการปฎิวัฒิอุตสาหกรรม การจัดงาน world expo ครั้งแรกนั้นใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า  Great Exhibition of the Works of Industry of all Nations หรือชื่อเล่นสั้นๆ ว่า The Great Exhibition เป็นการแสดงแสนยานุภาพการผลิตตามระบบอุตสาหกรรมของชาติต่างๆ ในช่วงที่ยุคอุตสาหกรรมกำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด เน้นการนำเสนอผลงานทางด้านสถาปัตยกรรมของยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยการเลือกจัดแสดงผลงานจากนานาประเทศในอาคารขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนั้นที่ใช้เหล็ก (cast iron) และกระจกสร้างขึ้นมาอย่างตึก crystal palace  ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมการก่อสร้างอาคารที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่คนสมัยนั้นมากทีเดียว

งาน World Expo ในครั้งแรกถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าและผลงานกว่า 14,000 รายจากทั่วโลก ในระยะเวลาตลอด 5 เดือนมีผู้เข้าชมจากทั่วโลกเกือบ 6 ล้านคน ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศเจ้าภาพอย่างมหาศาล  ทำให้หลายๆ ประเทศเริ่มเกิดความสนใจอยากจัดงานขึ้นบ้าง เพื่อสร้างรายได้และโปรโมทประเทศของตนเองได้ในกระสุนนัดเดียว4

(ภาพจาก http://peace.maripo.com/p_fairs.htm)

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา งานมหกรรมระดับโลกนี้ยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่นำเสนอคุณค่าทางวัฒนธรรมและแนะนำนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ให้ชาวโลกได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนแก่กันเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นของชิ้นเล็กๆ อย่างซิปกางเกง  เครื่องคิดเลข เครื่องพิมพ์ดีด ของที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสังคมมนุษย์อย่างเราๆ  เช่น การคิดค้นโทรศัทพ์เครื่องแรกของโลก เครื่องมือสื่อสารชิ้นสำคัญที่เข้ามาเปลี่ยนสังคมการสื่อสารของมนุษย์ไปตลอดกาล ไปจนถึงการสร้างสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ “หอไอเฟล” (Eiffel Tower) สัญลักษณ์สำคัญของงาน world expo ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์โลก ที่ กรุงปารีส  สิงปลูกสร้าง land mark ประจำงานครั้งนั้นได้ถูกการกล่าวขวัญโจษจันจนได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจุบัน

รือการเผยแพร่วัฒนธรรมทางอาหารแก่คนในประเทศอื่นๆให้ได้ลิ้มลองรสชาติกัน ทั้งบราวนี่ ป๊อปคอร์น ขนมแสนอร่อยที่รู้จักกันดีทั่วโลกในตอนนี้ และของธรรมดาที่สร้างความตื่นเต้นประหลาดใจได้ อย่างกล้วย ผลไม้สีเหลืองจากต่างประเทศที่เริ่มเผยแพร่เข้าไปในอเมริกาเป็นครั้งแรกจากการจัดงานเมื่อปี 1876 ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ประเทศอเมริกา ในยุคนั้นคนอเมริกันยังต้องใช้มีดกับซ้อมเป็นเครื่องมือรับประทานกล้วยกันอยู่เลย5

(ภาพจาก http://www.expo2015.org/en/events)

เข้าสู่ช่วงปัจจุบัน การจัดงาน world expo อยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรนานาชาติชื่อ Bureau of International Expositions (BIE) โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่า จะจัดขึ้นทุก 5 ปี (ปี ค.ศ. ที่ลงท้ายด้วย 0 และ 5) โดยงานแต่ละครั้งมีระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน เป็น expo ขนาดใหญ่ เรียกว่า Universal expositions และระหว่าง 5 ปีนั้น อาจจะการจัดมี expo ขนาดเล็ก เรียกว่า Specialized expositions (อย่างพืชสวนโลกที่เชียงใหม่เรียกว่า Horticultural expositions เป็น expo ขนาดเล็ก) มาถึงการจัดงานครั้งล่าสุดในปีนี้กับงาน  World Expo  Milano 2015 นี่ไม่ใช่หนแรกที่งานมหกรรมระดับโลกเลือกมาปักหมุดลงในดินแดนรองเท้าบูท  เพราะในอดีตประเทศอิตาลีได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานมาแล้ว 3 ครั้งด้วยกัน  ถือว่าเป็นชาติที่มีประสบกาณ์ จัดเจนในเวทีการจัดงานอยู่ World Expo อยู่พอสมควร6

(ภาพจาก http://www.archilovers.com/stories/7241/the-9-clusters-of-expo-milano-2015.html)

โดยธีมงานของปีนี้คือ feeding the planet,energy for life แปลเป็นภาษาไทยว่า “อาหารหล่อเลี้ยงโลก พลังงานหล่อเลี้ยงชีวิต มีต้นแนวความคิดมาจากการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของจำนวนประชากรของโลก ส่งผลต่อการจัดสรรหาทรัพยากรให้เหมาะสมและพอเพียงแก่ทุกชีวิต ทำให้เกิดการตั้งคำถามและคาดคะเนว่าอนาคตของโลกต่อไปอาจต้องประสบปัญหาอาหารและพลังงานไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรโดยรวม  นี่คือโจทย์ที่แต่ละประเทศนำไปตีความและนำเสนอออกมาแตกต่างกันไป ซึ่งครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเข้าร่วมแสดงผลงานจากสมาชิกจำนวน 147 ประเทศ

ผังพื้นที่ภายในงาน จะประเภทของ Pavilion จะแบ่งเป็น

Cluster ในงาน7

(ภาพจาก http://www.archilovers.com/stories/7241/the-9-clusters-of-expo-milano-2015.html)

– Cluster เป็นห้องจัดแสดงขนาดเล็ก exhibition room8

ประเทศโมนาโค

(ภาพจาก http://www.expo2015.org/en/participants/countries/monaco)

– PavilionSize S เช่น pavilion Uruguay, Monaco etc9

ประเทศมาเลเซีย

(ภาพจาก http://www.gazzetta.it/expo-2015/09-05-2015/gazzetta-expo-mostra-calcio-sport-energia-la-vita-110750935487.shtml)

– Pavilion size M อย่าง Malaysia,Lithuania 10

ประเทศรัสเซีย

(ภาพจาก http://hyperallergic.com/239676/the-nine-circles-of-hell-at-expo-milano-the-2015-worlds-fair/)

– Pavilion size L อย่างประเทศไทย , Japan,Russia,South Korea

11

(ภาพจาก http://www.expo2015.org/en/explore)

ลักษณะการวางผังของ expo ที่อิตาลีปีนี้ ลดความซับซ้อนในการเที่ยวชมด้วยการออกแบบ ถนนหลักเส้นกลาง เรียกว่า Decumano เชื่อมจากฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตก  เป็นถนนสายสำคัญเส้นเดี่ยวระยะทางยาว 1.5 กิโลเมตร เชื่อมต่อ pavilion ต่างๆที่ขนาบอยู่ทั้งด้านซ้ายและขวา บริเวณโดยรอบมีลำคลองสายน้อยใหญ่ พร้อมถนนเลนพิเศษสำหรับรถ shuttle bus คอยวิ่งขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้าชมงานทุกคน

ประเทศไทยในงาน World Expo

12

(ภาพจาก http://wwd.applicadthai.com)

สำหรับประเทศไทยเราเข้าร่วมงาน World Expo ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2405 (ค.ศ. 1862) ในสมัยรัชกาลที่ 4 ตามแผนงานกุศโลบายการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เผยแพร่วัฒนธรรมไทย ความสวยงามของสถาปัตยกรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยในเวทีโลก สยามประเทศของเราเข้าร่วมงานแสดงอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน  ในงาน World Expo ปี 2015 ครั้งนี้ประเทศไทยถือว่าจัดอยู่ใน Pavilion ขนาดใหญ่ size L ภายใต้การดูแลของกระทรวงการเกษตร จากตีมงานที่พูดถึงเรื่องเกษตรกรรม ประเทศไทยจึงของัดแม่ไม้ทีเด็ดสไตล์ไทยแท้ด้วยการสร้าง งอบยักษ์ สัญลักษณ์ตัวแทนของเกษตกรชาวไทยมาเป็นโครงหลักในรูปทรงทางสถาปัตยกรรม ผสมผสานกับฐานเจดีย์ และ พญานาค ตัวแทนความเชื่อและความศรัทธาเป็น concept design ในการออกแบบอาคาร นอกจากนี้ด้านหน้ายังยกผืนนาข้าวและ ตลาดน้ำมานำเสนอกันถึงที่ เพื่อเป็นการส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ถึงคุณภาพและรสชาติอันขึ้นชื่อ สร้างหลักประกันในการซื้อผลิตภัณฑ์ อาหารและสินค้าเกษตรไทย และความเชื่อมั่นว่าครัวไทยสามารถเป็นอีกหนึ่งครัวหลักของโลกได้13 14

(ภาพจาก http://hyperallergic.com/239676/the-nine-circles-of-hell-at-expo-milano-the-2015-worlds-fair/)

งาน World Expo Milano ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคม 2558 เวลา 9.00 – 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ตั๋วเข้าชมราคา 32 ยูโร และในงาน expo ครั้งหน้า ประเทศไทยก็เสนอตัวเป็นเจ้าภาพงานเอ็กซ์โปปี 2020 โดยเสนอ “อยุธยา” เป็นเมืองจัดงาน

ขอบคุณข้อมูลจาก  คุณ M. Chana