OPENING HOURS: MONDAY – SUNDAY: 10.00 AM TO 8.00 PM

info@sitename.com | 987654321

Design Makes A Better Life.

Design Makes A Better Life.

SMA254…ออฟฟิศไซส์มินิใช้พื้นที่เพียง 10 ตารางเมตร

SMA คือชื่อออฟฟิศ

2.5 X 4 คือขนาดพื้นที่

รวมกันเป็น ออฟฟิศที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่เราเคยรู้จักมา

sma_studio13

SMA254

Architects: SMA Studio

Location: Cầu Giấy, Hanoi, Vietnam

Area: 10.0 m2

Photographs: Nguyen Thai Thach, Courtesy of SMA Studio

หากพูดถึงผลงานดีไซน์ในประเทศในฝั่งเอเชียที่มีการใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าที่สุด เชื่อว่าจะต้องมีชื่อประเทศญี่ปุ่น และเวียดนามติดโผมาด้วยอย่างแน่นอน เพราะอะไรนะหรอ เพราะเค้าทั้งคู่เป็นประเทศที่มีพื้นที่น้อย โจทย์หลักๆ ที่ดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่ในประเทศเค้าได้รับ จึงเป็นการออกแบบอาคารบ้านเรือนบนเนื้อที่ที่มีอยู่จำกัด หรือมีเนื้อที่แคบมากๆ ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางนิ้ว ดังเช่นผลงานออกแบบของ SMA studio ที่มีชื่อว่า SMA254 ซึ่งเป็นงานออกแบบออฟฟิศส่วนตัวของเค้าเองบนเนื้อที่จำกัดเพียง 10 ตารางเมตร โดยใช้วิธีการเล่นระดับพื้น เปิดช่องแสง เพื่อลดความทึบตันของตึกแถว และคำนึงถึงระบบการถ่ายเทอากาศภายในบ้านเป็นหลัก

sma_studio07

2.5 x 4 = 10 sq.m.

หลายคนอาจจะสงสัย เอ…ทำไมชื่อตึกถึงเป็นชื่อเดียวกันกับชื่อทีมสถาปนิกผู้ออกแบบ เราขอเฉลยว่า SMA254 เป็นชื่อที่ได้มาจากชื่อของออฟฟิศที่ออกแบบ ซึ่งก็คือ SMA Studio นำมารวมกับขนาดพื้นที่ 2.5 x 4 ตารางเมตร จึงได้เป็นชื่อที่ดูเรียบง่ายเหมือนสไตล์การตกแต่งของออฟฟิศ แต่มีรายละเอียดความเป็นมาซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความเรียบง่ายนั้นๆ

sma_studio23

บ้านแคบยังอยู่ได้ แต่ออฟฟิตแคบจะอยู่กันอย่างไร?

จุดเริ่มต้นในการรีโนเวตตึกแถวหลังนี้ก็คือ เนื้อที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดและสภาพที่เสื่อมโทรมของอาคาร ให้กลายเป็นออฟฟิศออกแบบสุดชิค บนเนื้อที่ 10 ตารางเมตร ที่ตั้งอยู่ระหว่างซอกตึกในเขต Cau Giay เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม และด้วยงบประมาณที่มีอย่างจำกัด ทางทีมออกแบบจึงเลือกใช้คานเหล็กและพื้นไม้สำเร็จรูป แทนคานคอนกรีต ซึ่งช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณในการก่อสร้าง

diagramc

sma_studio18

จากเดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ที่มีเพดานสูง เมื่อรีโนเวตอาคารใหม่ จึงแบ่งพื้นที่ออกเป็นสเตปย่อยๆ คือ ชั้น 1 , 1.1 , 1.2 ชั้น 2 , 2.1 , 2.2 และชั้นดาดฟ้า เพื่อให้เกิดการใช้งานที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และใช้สีขาว เพื่อเพิ่มสเปซให้ดูกว้าง

anigif2

บริเวณประตูทางเข้า ถูกออกแบบให้เป็นประตูลูกกรงเหล็กแบบบานเลื่อน ทำหน้าที่ปิดล้อมบ้านให้รู้สึกปลอดภัย แต่ไม่ปิดกั้นการมองเห็นจากทั้งภายในและภายนอก

sma_studio04

section_22

เจาะช่องโล่งบริเวณด้านในสุดของตึกให้ตรงกันทุกชั้น เพื่อนำแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาได้ทั่วถึงทั้งอาคาร

sma_studio25

บริเวณ façade หน้าอาคาร ยังออกแบบเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่หลากหลายรูปแบบทั้งแบบบานเฟี้ยม และบานกระทุ้ง เพื่อให้เกิดการไหลลื่นของสเปซ และหมุนเวียนของอากาศภายใน

sma_studio19

เลือกใช้ผนังลายระนาบตามแนวนอน นำสายตาให้มองลึกเข้าไป ลวงตาให้รู้สึกว่าห้องมีความลึกมากกว่าปกติ

sma_studio03

นอกจากนั้นยังเปลี่ยนบันไดแบบธรรมดาที่ต้องใช้พื้นที่วางบันได ให้กลายเป็นบันไดลิง ที่ใช้พื้นที่ตามแนวตั้ง ช่วยประหยัดพื้นที่ภายใน ทำให้เสียพื้นที่น้อยกว่าเดิม

anigif

บริเวณช่องเปิดของแต่ละชั้น ได้ติดตั้งระแนงเหล็กแบบเปิด-ปิดได้ เพื่อกันตก และเพิ่มพื้นที่การใช้งานเป็นพื้นทึบ

sma-rooftop

ทางทีมสถาปนิกได้ออกแบบหลังคาบริเวณดาดฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ชิวที่สุดในอาคาร ให้มีลักษณะแบบไม่ปิดทึบ โดยใช้กระถางต้นไม้สี่เหลี่ยมที่มีขนาดแตกต่างกัน วางเรียงสลับขนาดกันอย่างไม่เป็นระเบียบ มาทำเป็นหลังคาบังแดด

sma_studio16

พอเขียนมาถึงจุดนี้ ก็ทำให้เราเกิดคำถามอีกครั้งว่า ทั้งๆที่อาคารบ้านเรือนในประเทศเค้าก็คล้ายๆบ้านเรา แต่ทำไมประเทศเค้าถึงสร้างผลงานออกมาได้ดี ทั้งที่มีพื้นที่อย่างจำกัด ออกจะเล็กกว่าบ้านเราเสียด้วยซ้ำ และนั่นก็อาจจะเป็นเพราะเค้าให้ความสำคัญกับรูปแบบการใช้งานที่แท้จริงมากกว่ารูปแบบของสถาปัตยกรรม ซึ่งมนุษย์เรานี่แหล่ะ ที่เป็นผู้ปรับเปลี่ยน ให้เข้ากับความต้องการได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก archdaily