ในความเป็นจริง สถาปัตยกรรมไม่ได้เป็นของเจ้าของบ้านทั้งหมด แต่สถาปัตยกรรมเป็นของผู้ออกแบบไปแล้วครึ่งหนึ่ง…
(ภาพจาก designboom.com)
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในนครรัฐโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกจากงาน World Architecture Festival 2012 เป็นรางวัลที่มอบให้ผู้ออกแบบ และงานสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นทั่วโลกซึ่ง Stacking Green ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทบ้านพักอาศัย
และผมเชื่อว่าหลายคน คงคุ้นชินกับภาพถ่ายของบ้านหลังนี้ในมุมมองที่สวยงาม เป็นที่น่าจดจำ ในมุมมองของนักออกแบบหรือสถาปนิก บ้านหลังนี้ช่างแปลกใหม่ ลงตัว และแก้ไขปัญหาได้อย่างแยบยล… ซึ่งในแวบแรกนั้น ผมก็มีความคิดเช่นนั้นเหมือนกัน หากเพียงแต่การได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศ และได้พบเจอเจ้าของบ้านจริงๆนั้น ทำให้ผมต้องกลับมาคิดอีกครั้ง… ถึงการใช้งานและรูปแบบที่ดูเรียบเท่ไม่มีใครเหมือนนี้
บ้านหลังนี้มีลักษณะคล้ายทาวน์เฮาส์บ้านเรา มีทั้งหมด 4 ชั้น หน้ากว้างประมาณ 4 เมตรเห็นจะได้ ลึกประมาณ 20 เมตร พื้นที่ใช้สอย 250 ตารางเมตร สถาปนิกออกแบบพื้นที่ให้เชื่อมต่อกันทั้งหมด โดยการมีผนังหรือประตูกั้นน้อยที่สุด เช่นบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องรับประทานอาหารและครัว เป็นครัวที่ทำอาหารจริงจัง ผลที่ตามมาคือเรื่องควันและกลื่นอาหารลอยคลุ้งเต็มบ้าน ข้อดีน่าจะเป็นเรื่องการสร้างความมีชีวิตชีวาให้บ้านด้วยกลิ่นอาหาร และข้อเสียก็อาจเป็นเรื่องของกลิ่นอีกเช่นกัน ที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้เลย
คนเวียดนามเป็นกันเอง… แม้บางครั้งจะดูตรงไปตรงมาเสียหน่อย แต่ก็ยังดีที่เขายังคงเปิดบ้านต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง วันที่เราไปเยือนนั้น เจ้าของบ้านไม่อยู่ ออกไปทำงานและมีแม่บ้าน เด็กเล็ก รวมถึงพี่ (หรือน้อง) ของเจ้าของบ้าน อยู่ดูแลคุณแม่ ซึ่งแก่ชราแล้ว อยู่ที่ชั้นล่างสุดของบ้าน
ภายหลังได้มีโอกาสคุยกับคู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านวัย 35 ปี จึงทราบว่าบ้านหลังนี้ เขาได้ซื้อต่อมาจากเจ้าของบ้านจริงๆ ซึ่งปล่อยขายเมื่อปีก่อน สาเหตุหลักที่ตัดสินใจซื้อคือบ้านหลังนี้มีที่ตั้งที่ดี ใกล้ที่ทำงานของเขาทั้งคู่มาก ส่วนเรื่องดีไซน์ของบ้านนั้น เขาบอกตามตรงว่าไม่ได้สนใจเท่าไรนัก เห็นว่าโปร่ง โล่ง สบายดี ก็พอแล้ว
นอกจากเรื่องครัวที่ไม่สามารถควบคุมกลิ่นได้แล้ว ไฮไลท์หลักของบ้านที่เป็นส่วนของกระบะต้นไม้ที่เรียงตัวเป็น facade ของอาคาร เอาเข้าจริงๆ เจ้าของบ้านลืมดูแลรดน้ำต้นไม้ ทำให้ต้นไม้ไม่เจริญงอกงาม นานเข้าต้นไม้ก็ตาย สุดท้ายเจ้าของบ้านแก้ปัญหาด้วยการติดตั้งเครื่องรดน้ำอัตโนมัติ และให้ลูกจ้างเป็นคนดูแลแทน
ด้วยแนวคิดของสถาปนิกที่เน้นความเรียบง่าย เส้นสายตรงไปตรงมา สิ่งนี้ทำให้รายละเอียดต่างๆในบ้านนั้นน้อยลงไปด้วย รวมไปถึงราวกันตกเส้นนอน 2 เส้น เกิดช่องว่างกว่า 45 เซนติเมตร เป็นความกว้างที่เกิดขึ้นแล้วรู้สึกใจหาย ยิ่งบ้านที่มีเด็กเช่นบ้านหลังนี้ ทำให้เกิดความกังวลและเป็นห่วงแทนความปลอดภัยของเด็กน้อยไม่ได้ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่เจ้าของบ้านคิดเช่นกัน เพราะทุกครั้งที่เด็กน้อยเดินออกมาบริเวณใกล้ระเบียง จะมีผู้ใหญ่เดินมาอุ้ม เดินไปยังส่วนต่างๆของบ้านเสมอไป
รวมถึงห้องน้ำโชว์ที่สุดท้ายต้องคิดผ้าม่านเพิ่มเพื่อความเป็นส่วนตัว หรือสกายไลท์ที่เจ้าของบ้านเอาผ้าใบไปคลุมเอาไว้ เพราะถ้าไม่คลุมแสงแดดจะลงมามากเกินไปและร้อนจนอยู่ไม่ได้ ทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่ผิด ไม่ได้ถูกห้ามไว้ในกระบวนการออกแบบ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องของ USER หรือ คนที่ใช้งานจริงๆ ว่าเขาคิด และใช้งานพื้นที่เหล่านั้นอย่างไร … หากมองย้อนไปในช่วงเวลาที่เจ้าของบ้านตัวจริงอยู่ เขาอาจจะดูเข้ากันกับบ้านหลังนี้ มากกว่าครอบครัวนี้ ที่ผมได้พบเจอก็เป็นได้
หากผมสามารถให้รางวัลสถาปัตยกรรมได้ ผมจะก่อตั้งรางวัลหนึ่งที่มีชื่อว่า “สถาปัตยกรรมที่เจ้าของรักที่สุด” ไม่ใช่สถาปัตยกรรมที่สวยหรือถ่ายรูปขึ้นที่สุด และผมจะให้เจ้าของบ้านเป็นคนมอบรางวัลชิ้นนั้น กับมือของสถาปนิกผู้ออกแบบเอง เป็นการขอบคุณ ที่ออกแบบในสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดได้… โดยที่บางครั้ง เจ้าของบ้านเอง อาจไม่รู้ตัวซ้ำ ว่าเขาต้องการอะไร…