Solar Slab กระเบื้องคอนกรีตปูพื้นดาดฟ้า ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมามากกว่า 15 ปี แต่ก็อาจยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ คือสามารถช่วยลดความร้อนจากการรับแสงแดดได้ 3 – 4 องศาเซลเซียส หรือประมาณ 10% ในตอนกลางวัน เรามาทำความรู้จักผลิตภันฑ์นี้ไปพร้อมกันครับ
“หลังคาบ้าน” ส่วนที่โดนแสงแดดตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอากาศที่ร้อนเกือบทั้งปีอย่างประเทศไทย การป้องกันความร้อนบริเวณหลังคา จึงเป็นวิธีที่นิยมใช้เพื่อลดความร้อนให้กับอาคารในช่วงกลางวัน เช่น การติดฉนวนกันความร้อน การเจาะช่องระบายอากาศบนฝ้า การเลือกใช้กระเบื้องมุงหลังคาเฉดสีอ่อนเพื่อการสะท้อนแสงแดดที่ดีกว่าสีเข้ม และมีอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถกันความร้อนได้ดีและมีประสิทธิภาพ นั่นคือการใช้ กระเบื้องปูพื้นดาดฟ้า (Solar Slab)
l รูปทรง ลักษณะและการใช้งาน l
Solar Slab ผลิตมาจากคอนกรีต เหมือนกับกระเบื้องคอนกรีตโดยทั่วไป แต่ข้างใต้แผ่น Solar Slab จะมีส่วนที่ยื่นออกมาคล้ายกับขา เป็นจำนวนทั้งหมด 4 ขา เพื่อเอาไว้ยึดเกาะกับพื้นที่ดาดฟ้า แต่ละแผ่นจะมีช่องว่าง ทำให้อากาศสามารถระบายความร้อนออกมาได้ดี โดยในปัจจุบัน Solar Slab มี 2 ขนาด ดังนี้
– 30 x 30 เซนติเมตร ราคา 198 บาท/ตารางเมตร รับแรงกดทับได้ 218 กิโลกรัม
– 40 x 40 เซนติเมตร ราคา 214 บาท/ตารางเมตร รับแรงกดทับได้ 252 กิโลกรัม
Solar Slab ยังสามารถใช้งานได้หลากหลายพื้นที่ เช่น ใช้ปูพื้นบริเวณดาดฟ้า ปูพื้นห้องใต้ดินที่อาจมีน้ำซึม และสามารถนำ Solar Slab มาใช้เพื่อปูพื้น จัดสวนได้อีกด้วย เพียงนำตาข่ายพลาสติกมาปูทับบนแผ่นกระเบื้องปูพื้นดาดฟ้า จากนั้นจึงโรยกรวดและถ่านไม้ทับอีกชั้น ขั้นตอนต่อมาคือการโรยเปลือกมะพร้าวที่ตัดเป็นชิ้นเล็กทับ และขั้นตอนสุดท้ายคือใส่ดินที่ผสมกับปุ๋ยหมักในการปลูกต้นไม้และปูหญ้า เพราะในบางอาคารที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ สามารถนำ Solar Slab มาใช้ในการทำสวนได้โดยง่าย เช่นนำ Solar Slab มาปูในบริเวณระเบียงของคอนโดซึ่งมีพื้นที่จำกัด เพียงเท่านี้ก็สามารถมีสวนเล็กๆเป็นของตัวเองได้
Solar Slab ได้นำมาใช้กว่า 15 ปี และถูกผลิตด้วยเครื่องจักรที่ใช้กำลังอัดสูง ในการใช้งาน Solar Slab จะถูกปูทับเหนือพื้นที่ดาดฟ้าอีกชั้นหนึ่ง เสมือนเกราะป้องกันความร้อนและแสงแดดให้กับอาคาร ซึ่ง Solar Slab ผลิตจากคอนกรีต จึงทำให้ได้รับคุณสมบัติและข้อดีของคอนกรีตมาใช้ เช่น ป้องกันและสะท้อนความร้อนได้ดี มีความแข็งแรง ไม่เปราะบาง สามารถรับแรงกดทับได้เป็นจำนวนมาก มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และไม่ต้องดูแลรักษามากนัก เพราะฉะนั้น Solar Slab จึงมักนำมาใช้บริเวณ ดาดฟ้า ระเบียง เพื่อลดความร้อนให้กับชั้นบนของอาคาร และยังนำมาปูพื้นห้องใต้ดินเพื่อลดและป้องกันความชื้นจากอากาศภายนอกได้อีกด้วย
l คุณสมบัติของ Solar Slab l
จุดสำคัญของการเลือกใช้ Solar Slab คือสามารถลดความร้อนและประหยัดพลังงานภายในอาคารได้ดี ช่วยป้องกันการหดและขยายตัวของคอนกรีต ซึ่งจะนำไปสู่การแตกร้าวของพื้นดาดฟ้าได้ และเป็นการยืดอายุระบบกันซึมทุกระบบบนพื้นที่ดาดฟ้า ด้วยการให้ร่มเงา และป้องกันการขูดขีดจากอุปกรณ์ต่างๆที่นำไปติดตั้ง
เนื่องจาก Solar Slab เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นจากประเทศไทย ผู้ใช้งานจึงสามารถสั่งตัดแบ่งแผ่น Solar Slab ได้ตามต้องการ โดยติดต่อไปยังผู้จัดจำหน่ายและผู้ผลิตได้โดยตรง
Solar Slab มีน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก โดยแผ่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม และแผ่น 40 x 40 เซนติเมตร น้ำหนัก 8 กิโลกรัม จึงอาจจะทำให้ติดตั้งและทำความสะอาดได้ลำบาก และการรับน้ำหนักของแผ่น Solar Slab ที่สามารถรับน้ำหนักคนเดิน แต่ยังไม่สามารถรับน้ำหนักงานระบบอย่าง คอมเพรสเซอร์แอร์ หรือถังน้ำ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้โดยการเว้นช่องว่าง ไม่ปูกระเบื้อง ในบริเวณที่ต้องการติดตั้งงานระบบ
l ขั้นตอนการติดตั้งแผ่น Solar Slab l
ขั้นตอนแรกเริ่มจากการเตรียมพื้นที่ ที่จะติดตั้ง บริเวณติดตั้งควรมีความลาดเอียง 1:200 และควรทำกันซึมให้เรียบร้อยก่อนติดตั้งแผ่น Solar Slab
ขั้นตอนต่อมา เริ่มจากวางแผ่น Solar Slab บนบริเวณที่ต้องการติดตั้ง โดยใช้ปูนทรายวางยึดที่ตำแหน่งขาทั้ง 4 ด้าน เป็นการยึดแผ่น Solar Slab ให้ติดแน่นบนพื้นผิว จากนั้นจึงปูให้แต่ละแผ่นห่างกันประมาณ 2 – 3 มิลลิเมตร ไม่ต้องยาแนวแผ่นคอนกรีต หากมีสิ่งของตั้งไว้ขวางทางปูกระเบื้อง เช่น เสา จานดาวเทียม ถังน้ำ ควรจะปูเว้นไว้ โดยไม่ตัดแผ่นคอนกรีต
Solar Slab วัสดุที่ช่วยป้องกันความร้อนให้กับอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงติดตั้งลงบนพื้นดาดฟ้า ก็สามารถระบายอากาศ ลดความร้อนในอาคารชั้นบนได้ดียิ่งขึ้น หากสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ของกระเบื้องคอนกรีตปูพื้นดาดฟ้า (Solar Slab) สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ Cellocrete Thai