Husband & Wife Art Farm
Location: เมืองทองธานี, กรุงเทพ
Architect & Interior designer: คุณนุ่น มาริสา เลิศรักษ์มงคล
ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีมีผลทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปดิจิตอล ที่นับวันก็ยิ่งมีฟังก์ชันใหม่ๆออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ยังมีกลุ่มคนที่มีใจรักและหลงใหลในความวินเทจของกล้องฟิล์มอะนาล็อกอยู่อย่าง “คุณนุ่น มาริสา เลิศรักษ์มงคลและคุณซัน อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล” คู่รักที่ชื่นชอบการถ่ายภาพฟิล์มอะนาล็อกเป็นชีวิตจิตใจ และได้เปลี่ยนงานอดิเรกที่ตนรักให้เป็น “Husband & Wife Art Farm“ แห่งนี้
คุณนุ่น มาริสา เลิศรักษ์มงคล – คุณซัน อาทิตย์ เลิศรักษ์มงคล
ด้วยความที่คุณซันมีที่ดินผืนนี้อยู่แล้ว และตั้งใจอยากให้ที่แห่งนี้อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ตัวเองรักและชื่นชอบ จึงได้ชักชวนเพื่อนที่ถ่ายภาพฟิล์มด้วยกันอย่าง คุณโอ๋ อารียา พรวิริยางกูร และคุณต้าร์ รัฐพล ภักดีบูรณะกิจ มาเปิดร้าน Ryyn Kaffe เพื่อเติมเต็มพื้นที่แสนอบอุ่นนี้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของ Husband & Wife Art Farm แห่งนี้
คุณต้าร์ รัฐพล ภักดีบูรณะกิจ เจ้าของร้าน Ryyn Kaffe
Husband & Wife Art Farm ประกอบไปด้วยสวนสีเขียวของต้นไม้นานาพันธุ์ ท่ามกลางอาคารเล็กๆ สีขาว จำนวนสามหลัง ได้แก่ ร้านกาแฟ Rynn Kaffe ที่เพิ่งเปิดเมื่อต้นปี ร้าน Husband & Wife ร้านขายอุปกรณ์ถ่ายภาพแบบอะนาล็อกที่อยู่ภายใต้อาคารหลังเดียวกับร้านเสื้อผ้าเด็ก Mari Child และหลังสุดท้ายเป็นแกลอรี่ พื้นที่สำหรับโรงเรียน brickbybrick ที่สอนศิลปะภาพถ่ายแบบ conceptual Art
นั่งเล่นบ้านเพื่อน
“คือเราเริ่มจากความชอบของเรามากกว่า เราอยากให้มันแบบCozy จากบุคลิคของเราทุกคนทั้งหมดทั้งมวล เป็นคนสบายๆง่ายๆ เลยสร้างสถาปัตยกรรมง่ายๆเข้ากับสเปซสวนเยอะๆ ชอบต้นไม้ใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านดี” คุณซันบอกถึงที่มาของพื้นที่สวนสีเขียวโดยรอบ
แทนที่การออกแบบจะเป็นอาคารหลังเดียวกันและมีทุกอย่างรวมอยู่ในนั้น แต่คุณนุ่นผู้อาสาออกแบบที่นี่ด้วยตัวเองกลับคิดว่าการที่สร้างอาคารแยกเป็นหลังๆ ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อยากให้ที่นี่เป็น Retail เพราะไม่ได้เน้นขายของแบบฮาร์ดเซล แต่ต้องการต้อนรับทุกคนเหมือนเพื่อนที่มีความรักความชอบในเรื่องเดียวกัน มานั่งทานกาแฟ พูดคุย ปรึกษากันอย่างเป็นกันเองในบรรยากาศสวนหลังบ้านที่อบอุ่น
ซึ่งข้อดีของการบรรจุฟังก์ชันลงไปในรูปแบบสถาปัตยกรรมเล็กๆแต่ละหลังนั้น นอกจากจะให้ความอบอุ่นเหมือนบ้านแล้ว ยังมีการจัดการและดูแลได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นในด้านระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงการทำความสะอาดด้วย
Rynn Kaffe
ร้าน Rynn Kaffe เป็นฝีมือการออกแบบภายในของคุณนุ่น ซึ่งต้องการให้ร้านออกมาดูอบอุ่น จึงเลือกใช้ไม้เป็นหลัก ออกแบบให้ดูเรียบง่าย คลีนๆ แต่เพิ่มลูกเล่นเข้าไปด้วยผนังอิฐ และลายกราฟิคตรงเคาน์เตอร์บาร์ พร้อมกับแต่งแต้มสัสันเข้าไปในร้านด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเขียว แมชกับสีของสวนภายนอก และเน้นการใช้แสงจากธรรมชาติ โดยเปิดช่องหน้าต่างบานกว้างให้แสงสามารถผ่านเข้ามาได้ ทำให้พื้นที่ภายในร้านดูโปร่งโล่ง
บรรยากาศภายในร้าน Rynn Kaffe ที่เรียบง่าย โปร่งโล่งจากแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาผ่านบานกระจกใสล้อมรอบด้วยกรอบไม้ และเคาน์เตอร์บาร์ไม้ที่มีลวดลายกราฟิคเส้นแนวเฉียง
“เมล็ดกาแฟของที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟไทย มาจากแม่กระจันต์” ที่มาของความกลมกล่อมของกาแฟที่นี่จากการบอกเล่าของคุณต้าร์ ซึ่งในปัจจุบันเมื่อมีลูกค้ามากขึ้น จึงเริ่มขยับขยายนำเมล็ดพันธุ์กาแฟดีๆจากเมืองนอกมาเสิร์ฟ พร้อมเพิ่มขนมเพื่อให้เกิดความหลากหลายของเมนูมากขึ้น
Husband & Wife Shop
“เรียบไว้ก่อน” คุณนุ่นและคุณซันกล่าวสั้นๆ แต่สามารถอธิบายการตกแต่งภายในของอาคารหลังนี้ได้ดีเพราะภายในเน้นการตกแต่งสีขาว ไม่ว่าจะเป็นพื้น ผนัง แม้กระทั่งโครงหลังคาเหล็ก ตัดด้วยสีสันของเฟอร์นิเจอร์มือสองในสไตล์วินเทจ และสไตล์อินดัชเทียล ผสมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่ต่างทำหน้าที่เป็นพื้นสำหรับวางอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพอะนาล็อก อย่างกล้องฟิล์ม เลนส์กล้อง ฟิล์มชนิดต่างๆ และกระเป๋าใส่กล้อง
อีกทั้งยังเป็น Book Store ขนาดย่อมๆ มีหนังสือต่างประเทศที่น่าสนใจที่ไม่ได้วางขายในร้านดังๆ สมุดโน๊ตลายน่ารักและอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ
ซึ่งนอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการรับล้างฟิล์ม แสกนฟิล์ม รวมถึงอุปกรณ์สำหรับล้างฟิล์มจำหน่าย สำหรับสาวกกล้องฟิล์มที่อยากล้างฟิล์มด้วยตนเองอีกด้วย
ภายใต้อาคารหลังเดียวกัน ยังมีอีกหนึ่งร้านที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้ นั่นคือ ร้าน Mari baby & child ร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายสำหรับเด็ก
ตัวอย่างสินค้าเครื่องแต่งกายสำหรับเด็ก ที่ตัดเย็บกันเอง ซึ่งจะเปิดให้บริการเร็วๆนี้
ส่วนอาคารหลังสุดท้ายคือ แกลอรี่ออกแบบในสไตล์โมเดิร์น ด้วยอาคารก้อนสี่เหลี่ยมสีขาวสะอาดตา เพราะต้องการให้เรียบๆเพื่อเป็นพื้นหลังของงานภาพถ่าย เวลาจัดExhibition หรือการเวิร์คชอปต่างๆ
สวนหลังบ้าน จากความทรงจำในวัยเด็ก
“จริงๆเราเป็นคนชอบต้นไม้ไทย เพราะเรารู้สึกว่าเหมือนเราได้ย้อนกลับไปในวัยเด็ก” คำตอบของคุณซันเมื่อเราถามถึงการจัดสวนรอบๆอาคาร ซึ่งการออกแบบเริ่มต้นจากต้นจามจุรี ต้นไม้ใหญ่ที่เมื่อเติบโตจะแผ่กิ่งก้านสาขาเพื่อให้ร่มเงาได้ทั่วทั้งพื้นที่ ถึงแม้ว่ารากของมันจะชอนไชและอาจสร้างความเสียหายให้กับอาคารได้ในภายภาคหน้าก็ตาม แต่ด้วยความรักความชอบ จึงทำให้คุณซันตัดสินใจปลูกต้นนี้เป็นต้นแรก
ต้นจามจุรีในบรรยากาศที่ทุกคนบอกว่าให้ความรู้สึกเหมือนกับสวนหลังบ้าน
ต่อมาคือต้นแปลงล้างขวด ที่อยู่ด้านหน้าร้านกาแฟ Rynn ที่คุณซันเล่าให้เราฟังว่าเคยฮิตมากตอนสมัยตอนที่คุณซันยังเด็กๆ มีภาพในหัวก่อนแล้วว่าถ้ามาอยู่กับร้านนี้มันดู Cozy ดูเข้ากัน ส่วนที่เหลือก็เป็นยกหน้าที่ให้คุณแม่คุณซัน ช่วยเลือกต้นไม้มาประดับตกแต่งพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นสวนในสไตล์ไทยและฝรั่งผสมๆกัน
คุณนุ่นแอบกระซิบทิ้งท้ายว่า วันที่ 24 มิถุนายนนี้ จะมีงาน Conceptual art ศิลปะด้านภาพถ่าย ซึ่งสำหรับใครที่ชื่นชอบและสนใจเริ่มการเล่นกล้องอะนาล็อกและงานในแนวนี้ ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ อย่างเป็นกันเอง ก็สามารถมาร่วมงานได้ ไม่แน่คุณอาจจะเป็นอีกคนที่หลงใหลในความวินเทจของกล้องอะนาล็อกนี้ก็เป็นได้
Dtip
- ประโยชน์ของการปลูกต้นไม้ใหญ่ใกล้บ้าน คือ การสร้างร่มเงาให้แก่พื้นที่ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บ้านดูร่มรื่นมากขึ้น แต่ทว่าต้องเลือกพันธุ์ไม้ให้เหมาะสม ปลูกในระยะห่างที่ไม่ใกล้จนเกินไป มิฉะนั้นรากอาจชอนไชเกิดผลกระทบต่อบ้านได้ โดยต้นไม้ใหญ่ที่นิยมปลูกกันรอบบ้าน ได้แก่ ต้นหูกระจง ต้นประดู่ ต้นสารภี ต้นจำปี ต้นปีบ ต้นจำปา ต้นเหลืองปรีดียาธร ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดจัดอยู่แล้ว สามารถรดน้ำและใส่ปุ๋ยได้ตามปกติ