Location: ซอยรางน้ำ
Owner & Designer: สุดฤทธิ์ ลัมภโมกข์ และทีม White Space
Story: เสาวภัคย์ อัยสานนท์
Photographer: จิณณวัตร บริหารกิจอนันต์
เส้นสายไฟสีขาวที่ขดกันไปมาแบบไม่ตั้งใจ จนดูเหมือนเป็นงานจัดแสดงศิลปะเท่ๆ นำเรามาสู่ร้าน Other Café คาเฟ่เปิดใหม่สไตล์เรียบง่ายในซอยรางน้ำ ซึ่งเดิมทีร้านถูกวางไว้ให้เป็นร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ ก่อนจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นคาเฟ่ที่จริงจังกับเรื่องกาแฟมากขึ้น
คาเฟ่ที่มีแนวคิดเบื้องต้นมาจากร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์
คุณหมึก-สุดฤทธิ์ ลัมภโมกข์ เจ้าของร้านและเป็นผู้ออกแบบร้าน เล่าถึงที่มาของร้านว่า “ก่อนหน้านี้เราตั้งใจทำร้านให้เป็นร้านรองเท้า แต่พอทำได้ไปประมาณหนึ่ง ด้วยสถานการณ์โควิด-19 เรารู้สึกว่านักท่องเที่ยวน่าจะหายไปอีกนาน จากตอนแรกที่จะเป็นร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ที่มีแค่มุมกาแฟเล็กๆ ไว้คอยต้อนรับลูกค้า เราเลยปรับให้เป็นร้านกาแฟที่จริงจังมากขึ้น”
รายละเอียดต่างๆ ในร้าน จึงยังคงมีร่องรอยของการออกแบบที่ตั้งต้นมาจากความตั้งใจแรกที่อยากจะทำเป็นร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์ ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้ทรงเตี้ยสำหรับนั่งใส่รองเท้า หรือชั้นวางรองเท้าที่ติดตั้งอยู่บนผนัง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ร้านจะไม่ได้ปรับให้เป็นร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์แล้ว แต่ ‘รองเท้าสนีกเกอร์’ ก็ยังเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่ทางร้านนึกถึงอยู่เสมอ
โดยทางร้านมีการนำเอกลักษณ์ของรองเท้ายอดนิยมแต่ละรุ่นมาตีความเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ อาทิเช่น JORDAN เมนูกาแฟที่ได้แรงบันดาลใจจากสีสันของรองเท้า Nike Air Jordan จนเกิดเป็นกาแฟเอสเปรสโซ่ผสมนมที่มีไฮไลท์เป็นชาพิเศษ เมนู AIRMAX กาแฟช็อตเข้มราดบนโทนิคผสมไซรัปยูซุที่มีเลเยอร์ของชั้นกาแฟเหมือนกับพื้นรองเท้า Air Unit ซึ่งเป็นจุดเด่นของรองเท้า Air Max series นั่นเอง
ตัวร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่ บริเวณชั้นล่างที่ประกอบไปด้วยโซนพื้นที่นั่ง และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับชงกาแฟ ส่วนพื้นที่ชั้นลอยจะเป็นโซนพื้นที่นั่งเล็กๆ ที่มีผนังตกแต่งด้วยชั้นวางรองเท้าที่มีรูปปั้นรองเท้าสนีกเกอร์สีขาวหล่อจากปูนปลาสเตอร์วางเรียงอยู่บนชั้น ซึ่งหากนั่งอยู่ในบริเวณนี้ก็จะเห็นบรรยากาศมวลรวมของร้านทั้งหมด
ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในตึกแถวที่มีลักษณะหน้ากว้างค่อนข้างแคบ การตกแต่งภายในร้านจึงเน้นการสร้างบรรยากาศโปร่งโล่ง และมีแสงสว่างเข้าถึงอย่างเพียงพอ ในส่วนของบริเวณทางเข้าร้านจึงเลือกใช้กระจกใสบานใหญ่ เพื่อเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกให้เข้ามาได้อย่างเต็มที่
ฟาซาดของร้านตั้งใจใช้วัสดุที่มีราคาไม่แพง บวกกับความตั้งใจที่อยากจะใช้วัสดุธรรมดาๆ คุณหมึก จึงสร้างฟาซาดจากตัวนั่งร้าน ซึ่งสร้างความสงสัยให้กับลูกค้าที่แวะเวียนมาอยู่ไม่น้อย โดยคุณหมึกเล่าว่า “บางคนก็ถามว่า ร้านเสร็จหรือยัง ทำไมยังมีนั่งร้านอยู่? แต่ถ้าสังเกตดีๆ ตัวนั่งร้านของเราจะมีดีไซน์ในตัวนั่งร้านอีกทีหนึ่ง โดยใส่ตัวเหล็กที่คาดกันไว้เป็นแพทเทิร์น”
ดิบ เท่ เรียบง่าย สไตล์ Modern Rustic
บรรยากาศโดยรวมของร้านถูกออกแบบในสไตล์ Modern Rustic ผนังด้านหนึ่งของร้านเป็นผนังปูนดิบๆ สไตล์เรียบง่าย โดยใช้วิธีการหล่อปูนขึ้นมาไปทีละล็อกๆ เพราะไม่สามารถสร้างปูนขึ้นมาทั้งผืนทีเดียวได้ ทำให้เกิดเป็นร่องรอยเส้นขีดบนผนัง โดยคุณหมึกเล่าว่า “ดีไซน์ของตัวร้านเบสมาจากการ Improvise ให้วัสดุอยู่ในพื้นฐานที่ควรจะเป็น ปูนก็ปูนเลยไม่ต้องไป Finished อะไรมันแล้ว ถ้าสีมันได้แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น”
ในขณะที่เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายในร้าน เลือกใช้เป็นวัสดุที่มีพื้นผิวเงาอย่างสแตนเลส และอลูมีเนียม เพื่อลดทอนความดิบและความหยาบของพื้นผิวของปูน โดยคุณหมึกเล่าว่า “เรามองว่าปูนค่อนข้างเป็นวัสดุที่มีความดิบ Rustic และความหยาบอยู่แล้ว เลยอยากจะลดทอนตรงนี้ด้วยวัสดุจากสแตนเลสที่มีความโมเดิร์น”
นอกจากความเป็นปูนที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ดิบๆ แต่เรียบง่าย อีกด้านหนึ่งของผนังคุณหมึกตัดสินใจทำเป็นผนังบล็อกแก้ว เนื่องจากแต่ก่อนผนังด้านนี้เคยเป็นกระจกฝ้า ซึ่งทำให้ร้านข้างๆ สามารถมองทะลุผ่านเข้ามาด้านในได้ การใช้ผนังบล็อกแก้ว จึงเป็นสิ่งที่ช่วยพรางสายตา และสร้างลูกเล่นบนผนังได้เป็นอย่างดี
เส้นสายไฟสีขาวที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ
แต่สิ่งที่โดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้คนที่ก้าวเท้าเข้ามาด้านในร้านมากที่สุด เห็นจะเป็นเส้นสายไฟสีขาวที่ขดกันไปมาจนเหมือนเป็น Installation Art ซึ่งเกิดจากสายไฟ LED ที่มีความยาวประมาณ 5 เมตร จำนวน 5 เส้นมาห้อยเรียงขดกันอยู่บนเพดานอย่างไม่ตั้งใจ ซึ่งเดิมทีก็ไม่ได้ถูกวางไว้ให้มีลักษณะ Free form อย่างที่เห็น แต่ต้องการให้สายไฟ LED มีรูปทรงเป็นเลขแปด
“ตอนแรกเราตั้งใจให้สายไฟ LED โค้งเป็นรูปทรงเลขแปดหรือสัญลักษณ์ Infinity ถ้าสังเกตจะเห็นว่า มีหมุดยึดติดอยู่บนเพดานเรียงกันเป็นเลขแปด เพื่อให้สามารถห้อยสายไฟ LED ให้เป็นรูปเลขแปดได้ ในวันที่ห้อยสายไฟเราก็ยังคงเชื่อว่า เราจะสามารถห้อยให้เป็นเลขแปดได้ โดยที่ไม่ต้องมีโครงก็ได้ แต่ในวันนั้นพอห้อยก็เห็นทันทีเลยว่า สายไฟตกลงมา มันไม่สามารถที่จะห้อยได้ ซึ่งถ้าห้อยถี่กันมากๆ ก็จะไม่สวย งั้นสู้ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้เป็นเลขแปดละกัน ปล่อยให้เป็นไปตามทรงของมันเลยดีกว่า”
“คนส่วนใหญ่เมื่อเข้ามาในร้านก็ถามว่า มันดัดมาอย่างไร แต่เราไม่ได้ดัด มันเป็นทรงของมันเฉยๆ” คุณหมึกเล่าพลางหัวเราะถึงกระบวนการออกแบบที่ไม่ตั้งใจ แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเกิดคาด ซึ่งนอกจากความไม่ตั้งใจในการออกแบบสายไฟ LED ที่ทำให้เกิดเป็นรูปทรงอิสระ และเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวร้าน สายไฟ LED นี้ยังสร้างลูกเล่นให้กับโต๊ะกระจก เอาใจลูกค้าที่ชอบถ่ายรูปได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย
“ถ้าตั้งเครื่องดื่มบนโต๊ะ แล้วถ่ายรูป จะเห็นเส้นสายของไฟ LED ที่สะท้อนลงมาบนกระจก ซึ่งเหมือนเป็นการนำสิ่งที่เราอยากโชว์ข้างบน มานำเสนออยู่ด้านล่างด้วย”
เคาน์เตอร์ปูนเปลือยที่แฝงด้วยคอนเซ็ปต์ Infinity
อีกสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กับสายไฟนีออนคือ โต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ยาว ที่ตั้งอยู่บริเวณกลางร้านที่เป็นพื้นที่ Slow Bar ด้วยโครงสร้างของขาโต๊ะที่ยึดกับพื้นไว้ด้วยเหล็กขนาดใหญ่ไว้เพียงฝั่งเดียว ทำให้เคาน์เตอร์ปูนขนาดใหญ่ที่หนักแน่นกลับมีลักษณะดูเบาเหมือนลอยได้ ส่วนอีกด้านตรงปลายของเคาน์เตอร์มีรายละเอียดที่ให้ความรู้สึกเหมือนยังไม่จบ โดยมีการกระแทกปูนตรงโต๊ะออกจนเกิดเป็นร่องรอยที่น่าสนใจ
Other café เป็นคาเฟ่ที่โดดเด่นในแง่ของการออกแบบที่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่กลับได้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจที่สร้างเอกลักษณ์ของร้านให้ไม่เหมือนใครได้เป็นอย่างดี หากใครแวะผ่านมาแถวซอยรางน้ำ ก็อย่าลืมแวะมานั่งจิบกาแฟที่มีแรงบันดาลใจจากรองเท้าสนีกเกอร์ภายใต้เส้นสายไฟสีขาวกันได้เลย