พิธีแต่งงานเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ชีวิตที่สำคัญของใครหลายคน หมุดหมายคำสัญญาแห่งความรักที่สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกรรมวิธีนี้ก็แตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม ศาสนา แบบที่ชอบ ครอบครัวและงบประมาณ ส่วนตัวแล้วเราประทับใจในภาพพิธีแต่งงานแบบคริสต์ในโบสถ์สวย ๆ ที่เหล่าคู่รักนิยมไปประกอบพิธีแต่งงาน หากที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนใหญ่จะเลือกทำพิธีแต่งงานแบบคริสต์กันในโบสถ์ที่ตนเองและครอบครัวไปประกอบพิธีทางศาสนาอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บ่าวสาวจะเลือกไปแต่งงานในโบสถ์ตามสไตล์ที่ทั้งคู่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์สีขาวสะอาดตาเรียบง่ายร่วมสมัย ,โบสถ์สไตล์นีโอคลาสสิค หรูหรา รายละเอียดแน่น โบสถ์สไตล์โกธิคโอ่โถง ดูน่าเกรงขาม หลากสไตล์หลายรูปแบบให้ได้เลือกกัน
และโบสถ์ประกอบพิธีแต่งงานที่เราเลือกมาทั้ง 3 แห่งในวันนี้ ล้วนสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมขึ้นมาโดยใช้คอนเซ็ปต์จากธรรมชาติใกล้ตัว ก้อนเมฆ,สายรุ้ง,อาทิตย์ตก ที่แค่ฟังชื่อ ก็รู้สึกถึงความโรแมนติกอบอุ่นหัวใจ จนอยากจูงมือใครซักคนเข้าพิธีขึ้นมาซะแล้ว
Cloud of Luster Chapel
ประกายแสงแวววาว สีขาวสว่างสบายตา เป็นองค์ประกอบที่เราพบเห็นได้บ่อยๆ ในพิธีแต่งงานยุคใหม่ โทนสีขาวนวลชวนฝันจึงหกลายเป็นสีโทนหลักในการออกแบบสถานที่เกี่ยวกับพิธีแห่งความรัก ไม่ต่างไปจากที่โบสถ์ Aile-Blanche Chapel ส่วนหนึ่งของ La-Vienna Wedding Ceremony Hall ในเมืองฮิเมจิประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการออกแบบให้สร้างบรรยากาศที่เหมาะกับความสำคัญในวันแต่งงาน ให้เป็นสถานที่ที่จะจารึกความทรงจำหนึ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตบ่าวสาว
ภาพความหวังในช่วงเวลาแห่งความสุขของชีวิตที่ส่องประกาย ถูกออกแบบขึ้นมาผ่านบานกระจกโค้งที่ห่อหุ้มอยู่รอบอาคาร นำแสงเข้ามาได้จากทุกทิศทาง (เฉพาะห้องเทคนิคเท่านั้นที่ถูกล้อมรอบด้วยผนังสีขาวทรงกลมที่ด้านหลังของโบสถ์) และการใช้โครงสร้างเสากลมสีขาวเชื่อมต่อกับหลังคาให้เรียบเนียน ช่วยยกลอยโบสถ์โปร่งเบาให้รู้สึกเหมือนเป็นเมฆลอยอยู่กลางอากาศ ด้านนอกของก้อนเมฆคือกำแพงสวนเขียวช่วยกางอาณาเขตความเป็นส่วนตัวขณะเข้าร่วมพิธี
โบสถ์รูปทรงเมฆเป็นสีขาวเรียบง่าย ไล่จากพื้นถึงเพดานเชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกัน ขอบพื้นอาคารติดวัสดุเงาสะท้อนแสงตัดโค้งงุ้มลงกลางบ่อน้ำ เพื่อให้ผิวน้ำช่วยสะท้อนประกายระยิบระยับขึ้นมา ทำให้เห็นเหมือนโบสถ์กำลังลอยอยู่กลางน้ำเพิ่มความสว่าง ความเบาให้กับโครงสร้างและเพิ่มมิติการรับรู้อาคารได้มากขึ้น ในวันที่อากาศแจ่มใสไม่เพียงแค่พื้นอาคารจะสะท้อนแสงขึ้นมาเท่านั้น ลายผิวน้ำที่อยู่ภาพนอกนยังฉายเข้ามาที่เพดานของโบสถ์ แสดงให้เห็นภาพธรรมชาติที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา Cloud of Luster Chapel จึงช่วยแปลเปลี่ยนพิธีแต่งงานให้เป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมได้อย่างงดงาม เป็นความทรงจำที่เปล่งประกายราวกับฝัน
Rainbow Chapel
นี่เป็นโครงการปรับปรุงสถานที่จัดงานแต่งงานในเมืองโตเกียว จากอาคารเดิมสร้างขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตกจึงมีการเปลี่ยนมือเจ้าของมามากาย จนวันนึงที่เจ้าของปัจจุบันต้องการกำจัดการตกแต่งที่มากเกินไปของอาคารที่มีอยู่เดิม ถอดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออกไปจากอาคารเก่า เหลือไว้เพียงแต่โครงสร้าง ที่ว่าง และแสงธรรมชาติ ทำให้สถาปนิกเกิดไอเดียการออกแบบที่เน้นการใช้แสงธรรมชาติให้สนุกมากขึ้น จึงเสนอให้มีการเจาะขอบรอยต่อผนังที่ขอบบนสูงสุดเข้ากับเพดานห้องทรงวงรีเพื่อใช้แสงเข้ามาเป็นเครื่องประดับชิ้นใหม่ในโบสถ์ที่เรียบโล่งนี้ ด้วยการทาสีหน้าต่างด้านที่เจาะขอบไว้แต่ละบานให้มีสีที่แตกต่างกัน ไล่โทนสีเหมือนสายรุ้งกินน้ำ ทำให้เกิดเฉดสีจาง ๆ สะท้อนเข้ามาในโบสถ์ทรงวงรีที่ตอนนี้มีแสงสีรุ้งโอบล้อมพื้นที่ภายในเอาไว้อย่างสวยงาม
Sunset Chapel
จุดประสงค์ของโบสถ์แต่งงานถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันแรกของการใช้ชีวิตคู่ ในตรงกันข้าม โบสถ์ก็ถูกใช้เพื่อไว้อาลัยต่อการจากไปของคนที่คุณรักด้วยเช่นกัน ความรักและความสูญเสียจึงถูกนำเป็นแรงผลักดันสร้างบรรยากาศแห่งความสงบขึ้นมาทดแทน
โบสถ์ Sunset Chapel ใช้ประโยชน์จากทัศนียภาพที่งดงามของพื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อให้พ้นระยะสิ่งกีดขวางธรรมชาติ ต้นไม้ขนาดใหญ่ ก้อนหินที่ปิดกั้นมุมมอง โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมเดิมลดผลกระทบในพื้นที่ให้น้อยที่สุด จึงยกระดับพื้นสูงขึ้น 5 เมตรจากพื้นดินเพื่อเปิดรับทิวทัศน์ที่สวยงาม ศึกษาลักษณะเนินเขาของ Acapulco ประกอบด้วยหินแกรนิตขนาดใหญ่กองทับกัน สถาปนิกได้ทดลองสร้างสถาปัตยกรรมที่พยายามจะเลียนแบบก้อนหินเหล่านั้น ให้โบสถ์ดูเหมือนเป็น “อีกก้อนหนึ่ง” บนกองหินขนาดมหึมาบนยอดเขา เรียบนิ่ง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ พร้อมจัดวางตำแหน่งแท่นกางเขนบูชาที่สอดเข้ากับแสงของดวงอาทิตย์ตกอย่างงดงาม
อ้างอิงข้อมูล
https://www.archdaily.com/771396/rainbow-chapel-kubo-tsushima-architects
https://www.archdaily.com/915672/cloud-of-luster-chapel-ktx-archilab