สวนสีเขียวกับคนเมือง มักเป็นสิ่งตรงข้ามกันเสมอ เพราะข้อจำกัดทางพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หรือบ้านตึกแถว หรือแม้กระทั่งบ้านจัดสรรที่ทางโครงการจัดสวนมาให้ แต่สุดท้ายความรีบเร่งที่ต้องไปทำงานตั้งแต่เช้า และกลับมาในตอนเย็นทำให้ไม่มีเวลาดูแลสวน แต่เราเชื่อว่าลึกๆแล้ว ทุกคนก็ต่างอยากให้บ้านมีต้นไม่สักต้นกันทั้งนั้น เพราะบ้านของเราขาดสีเขียวไม่ได้
สีเขียวของต้นไม้ นอกจากจะทำให้บรรยากาศในบ้านกลมกลืนไปกับธรรมชาติแล้ว ยังช่วยลดอุณหภูมิในสถานที่นั้นๆ เนื่องจากต้นไม้จะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน ช่วยป้องกันแสงแดดที่กระทบตัวอาคารโดยตรง และสะท้อนความร้อนบางส่วนให้กลับสู่อากาศ รวมถึงประโยชน์อื่นๆทางอ้อม ที่ช่วยกรองฝุ่นละออง ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดอออกไซด์ และช่วยทำให้สถานที่นั้นๆดูสวยงามมากขึ้น
1 พื้นที่ที่จำกัด
แน่นอนล่ะ การจะจัดสวนในที่แคบ สิ่งแรกเลยคุณต้องมีก็คือพื้นที่ว่าง ที่มีขนาดกว้างไม่เกิน 1.00 เมตร เป็นขนาดพื้นที่ที่น้อยที่สุด ที่เราคิดว่าสามารถจัดสวนเล็กๆ ด้วยต้นไม้ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางได้แบบไม่อึดอัด ซึ่งอาจจะเป็นระเบียงคอนโด พื้นที่หน้าบ้าน ริมรั้ว หรือซอกทางเดินข้างบ้านก็ได้
2 ทิศทางแสงแดด
ทิศทางของแสงแดดที่เข้ามายังระเบียง หรือพื้นที่สวนว่ารับแสงได้มากแค่ไหน หากรับแสงแดดทั้งวันก็ควรเลือกต้นไม้ที่ชอบแสงจำพวกไม้ดอก แต่หากรับแสงรำไรก็ควนเลือกไม้ใบประดับที่ชอบแสงรำไร
3 ทิศทางลม
การห้อยกระถางต้นไม้ ต้องคำนึงถึงทิศทางลม เพราะหากต้นไม้โดนลมมากๆ จะทำให้ความชื้นในกระถางระเหยได้เร็วมาก ทำให้ต้องรดน้ำบ่อยๆ แต่ถ้าหากรดน้ำมากเกินไป จนความชื้นระเหยไม่ทัน ก็อาจจะทำให้รากต้นไม้เน่าได้
4 ใส่ใจและดูแล
ต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ไม่ต่างกับสัตว์เลี้ยง ที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ โดยจะต้องดูแลตัดแต่งกิ่ง หรือใส่ปุ๋ย พรวนดินเป็นประจำ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีเวลาไม่มาก แล้วอยากมีสวนมุมเล็กๆ ไว้ในบ้าน เราแนะนำให้เลือกเป็นไม้ใบที่ไม่ต้องการดูแลที่มากนัก
5 ขนาดและชนิดของต้นไม้
ถ้าคุณอาศัยอยู่ในคอนโด แน่นอนว่ากฎบัญญัติอาคารสูง มีข้อห้ามไม่ให้มีวัตถุสิ่งของเล็ดรอดออกมาจากตัวอาคาร การจะจัดสวนบนระเบียงต้องคำนึงถึงกิ่งก้านของต้นไม้ที่จะแผ่กระจายออกมาจากตัวอาคารด้วย จึงควรเลือกพรรณไม้ที่เติบโตช้า ทรงพุ่มไม่แผ่กว้างมากนัก หรืออาจจะปลูกลงกระถางเพื่อจำกัดการเจริญเติบโต และควรหลีกเลี่ยงพรรณไม้กลุ่มที่มีหนาม ขนระคายเคือง หรือยางเป็นพิษ เพราะอาจสัมผัสถูกผู้ใช้งานได้ง่าย
6 ระบบรดน้ำ
ระบบน้ำที่ใช้กันทั่วไปมี 2 แบบ คือ ระบบท่อน้ำหยดอัตโนมัติ และรดมือ
ระบบท่ออัตโนมัติ เป็นการให้น้ำผ่านท่อน้ำหยดที่ฝังอยู่ในแผง ซึ่งสามารถตั้งเวลาและควบคุมปริมาณน้ำที่ใช้รดได้ เป็นวิธีที่สะดวกสบาย เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลมากนัก ส่วนวิธีรดมือนี้ เป็นวิธีเบสิคของการรดน้ำต้นไม้ โดยจะรดด้วยสายยางรดหรือเดินถือบัวรดน้ำรดก็ตามแต่จะสะดวก เหมาะกับคนที่มีเวลาคลุกอยู่กับต้นไม้มากกว่า แต่ต้นไม้มักจะได้น้ำไม่ทั่วถึงเท่ากับแบบระบบท่ออัตโนมัติ เพราะสามารถติดตั้งเดินท่อไปยังตำแหน่งที่ยากต่อการรดมือได้
7 สวนแนวตั้ง
สวนแนวตั้งทำได้ 2 แบบ คือ ปลูกไม้เลื้อยตามแนวผนัง ซึ่งจะปล่อยให้เลื้อยไปตามผนังโดยตรงเลยก็ได้ วิธีนี้รากต้นไม้จะทำลายผนังประมาณหนึ่ง หรือปลูกแบบมีวัสดุช่วยพยุง เพื่อให้ไม้เลื้อยยึดเกาะได้ดีมากขึ้น เช่น เอ็น, ระแนง, ตะแกรงเหล็ก เป็นต้น โดยจะต้องเว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 10-15 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้ต้นไม้ยึดเกาะผนังโดยตรง และเป็นการป้องกันความชื้นซึมผ่านผนัง หรือ ถ้าเป็นระเบียงคอนโด อาจจะใช้วิธีแขวนไม้กระถางเป็นชั้นๆ
8 ความร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์
บริเวณด้านหน้าคอมเพรสเซอร์แอร์จะโดนลมร้อนมากเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงควรปลูกพรรณไม้ให้ห่างออกมาประมาณ 0.60-1 เมตร และควรเลือกใช้พรรณไม้ที่ทนลมร้อนได้พอสมควร อย่าง ลิ้นมังกร ชาฮกเกี้ยน หรืออาจจะใช้ระแนงไม้สวยๆ บังแทนการปลูกต้นไม้ก็ได้ และไม่ควรปลูกหญ้าบริเวณข้างใต้คอมเพรสเซอร์ เพราะตัดแต่งและดูแลยาก แนะนำให้โรยกรวยแทนการปลูกต้นไม้
9 ปลูกไม้ใบหนาใต้แนวชายคาบ้าน
พื้นที่บริเวณด้านข้างตัวบ้าน ตรงแนวชายคาจะเป็นพื้นที่ที่ต้องรับแรงกระแทกจากน้ำที่ตกลงมา จึงไม่ควรปลูกต้นไม้ไว้บริเวณนั้น หรือถ้าอยากจะปลูกเราแนะนำให้เลือกพรรณไม้ที่มีโครงสร้างใบหนาและแข็ง อย่างชาฮกเกี้ยน ว่านงาช้าง หรือลิ้นมังกร เป็นต้น
cr picture : Pinterest