ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงนี้ เป็นสัญญาณว่าเรากำลังเข้าสู่หน้าฝนของประเทศไทยเรากันแล้วนะครับ แต่สภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวก็ยังไม่หนีไปไหน เรายังคงต้องเผชิญกับแสงแดดแผดเผาผิวหนังของเราให้แสบร้อน หยดเหงื่อไหลซึมลงเสื้อเราอย่างชุ่มโชก คงจะเป็นเรื่องดีแน่ๆ ถ้าเรามีบ้านที่เข้าไปหลบฝนหลบร้อนได้ มีบรรยากาศสบายน่าอยู่ และแถมยังสามารถประหยัดพลังงานไปด้วยได้ ก็จะยิ่งดีงามเข้าไปใหญ่
(ภาพจาก http://www.forfur.com)
บ้านประหยัดพลังงาน หรือ Eco home ( Ecological home ) เป็นบ้านที่รู้จักนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้อย่างเกิดประโยชน์ ใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ลดการเกิดมลภาวะกลับเข้าสู่ระบบนิเวศน์ให้น้อยที่สุด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังทำให้เกิดสภาวะสบาย ลดความร้อน ทำให้บ้านของคุณน่าอยู่มากขึ้น โดยไม่จะเป็นต้องสร้างบ้านหลังใหม่ คุณก็สามารถทำการปรับเปลี่ยนวิมานเดิมหลังน้อยของคุณให้กลายเป็น Eco home กันได้ง่ายๆ เริ่มต้นกันได้วันนี้เลยครับ
(ภาพจาก http://liveincontainer.com/5-beautiful-container-homes-with-green-roofs/)
(ภาพจาก http://www.banidea.com/house-garden-modern-style-3/)
1 เริ่มแรกเลย พอพูดถึงการปรับเปลี่ยนบ้าน ขยับขยาย หลายท่านคงคิดถึงการต่อเติมพื้นที่ภายในบ้านออกไปแน่ๆ แต่ผมขอเตือนก่อนที่จะออกตัวล้อฟรีกันไว้ก่อนเลยนะครับ ว่าอย่าต่อเติมบ้านจนหนาแน่นเกินไป ไม่มีทางให้ลมเข้าออก โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นล่างที่มักจะต่อยื่นกั้นห้องเพิ่มพื้นที่การใช้งานในบ้าน ควรจะออกแบบให้พื้นที่ต่อเติมนั้นยังมีทางเข้าออกของลมได้อย่างต่อเนื่องเหมือนก่อนการต่อเติม จึงจะช่วยลดการสะสมความร้อนภายในบ้าน และรับแสงธรรมชาติ อันเป็นหนทางประหยัดพลังงานอีกด้านหนึ่ง หรืออาจจะเลือกต่อเติมเป็นชานระเบียงเล็กๆออกไปเชื่อมกับสวนไปวนสีเขียวในบ้านของคุณ เจาะช่องเปิดให้ลมพัดผ่านเข้ามาในบ้านมากขึ้น แม้จะไม้ใช่การทำเพื่อให้ได้ห้องเพิ่มเติมอะไร แต่คุณจะไดพื้นที่คุณภาพสีเขียวให้คุณได้ออกไปนั่งหย่อนตัวลง หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์ร่วมกันกับธรรมชาติ สร้างพื้นที่เล็กๆให้ปอดได้ฟอกอากาศดีๆในบริเวณบ้านของคุณเอง
(ภาพจาก http://www.banidea.com/house-garden-modern-style-3/)
2.ลองเปลี่ยนวัสดุมุงหลังคาเป็นเป็นแบบโปร่งแสง ในจุดที่ต้องการแสงสว่างส่องถึงได้ในตอนกลางวัน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้า ตรงโถงบันได เพื่อใช้พลังงานแสงแดดให้เป็นประโยชน์ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในการเปิดไฟที่มักจะมีบางส่วนของบ้านที่แม้จะเป็นในเวลากลางวัน แต่แสงแดดส่องเข้าไม่ถึง บรรยากาศก็จะดูมืดๆทึมๆ สามารถนำวิธีนี้เข้าไปแก้ไขได้ หาทางให้แสงแดดเข้ามามากขึ้น หรือจะลองใช้บล็อคแก้วที่ผนังบ้านก็จะช่วยทำให้บ้านของเราดูสว่าง โปร่งโล่งมากขึ้นด้วยนะครับ ด้วยแสงธรรมชาติ
(ภาพจาก http://prifx.net/options-modern-bedroom-furniture/air-conditioner-in-a-hardwood-floored-bedroom-design-with-unique-lamps-and-cool-lighting/)
3.มาพูดถึงการติดตั้งเครื่องปรับอากาศกันในห้องต่างๆกันบ้าง ควรเลือกใช้หน้าต่างแบบบานเลื่อน และประตูแบบบานทึบในห้องที่เราติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพราะหน้าต่างแบบบานเลื่อนและบานทึบจะช่วยปิดกั้นความร้อนและความชื้นจากภายนอกได้ดีกว่าบานแบบบานเกล็ด การปล่อยให้ความร้อนและความชื้นจากภายนอกไหลเข้ามาในห้องจะยิ่งทำให้เครื่องปรับอากาศของเราต้องทำงานหนักมากขึ้นครับ และสิ่งที่พ่วงมากับเครื่องปรับอากาศ ก็คือ คอมเพรสเซอร์แอร์ คำแนะนำคือควรวางไว้ในที่ที่โดนแสงแดดให้น้อยที่สุดครับ เน้นทางทิศเหนือ หรือทิศตะวันออก(จะแสงแดดจัดบริเวณตะวันตกและทางใต้) หรือจะตั้งไว้ในพื้นที่ร่ม โปร่งโล่ง มีลมพัดผ่านได้ เพื่อการดูแลรักษาได้ง่าย และไม่วางของเอาไว้เกะกะขวางช่องลมคอมเพรสเซอร์แอร์ เพื่อเวลาเปิดใช้งานจะได้สามารถพัดระบายความร้อนออกไปเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
(ภาพจาก http://health.kapook.com/view12390.html)
4 ส่วนการใช้งานเครื่องปรับอากาศ ก็ควรตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส เป็นตัวเลขค่าเฉลี่ยภาวะน่าสบายในประเทศเขตร้อนอย่างเรา และหากต้องการรักษาความเย็นไว้ให้ได้ทั้งคืน ให้คุณลองเปิดพัดลมเอาไว้ด้วยและหันไปตั้งเวลาปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติไว้สักประมาณตีสองตีสาม พัดลมที่เปิดทิ้งไว้จะช่วยเก็บความเย็นในห้องให้หมุนเวียนอยู่ ทำให้คุณนอนหลับสนิทเย็นสบายได้ถึงเช้า และยังช่วยคุณประหยัดไฟลงไปอีกด้วย
(ภาพจาก http://www.thaider.com/homepro/11136)
(ภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=panatee&month=03-2012&date=21&group=1&gblog=74)
5.การหันมาใช้ฉนวนกันความร้อนและวัสดุที่ไม่อมความร้อน ใช้ฉนวนกันความร้อนกับฝ้าเพดาน แต่ก่อนเริ่มติดตั้งคุณควรจะตรวจฝ้าเพดานที่จะติดตั้งเสียก่อนนะครับ ว่าควรจะใช้ฉนวนชนิดไหนดี โครงสร้างฝ้าเพดานรับน้ำหนักได้มากไหนแต่ไหน เพื่อความเหมาะสมกับสถานที่และการใช้งาน เลือกใช้ฉนวนกันความร้อนที่มีความหนาไม่น้อยกว่า 3 นิ้วก็ยิ่งช่วยป้องกันได้มากขึ้นครับ และการเลือกใช้วัสดุที่ไม่อมความร้อน เช่น ที่บริเวณระเบียงกลางแจ้งของคุณที่มีแดดส่องแรงเกินไป อาจจะลองทำระแนงเพื่อช่วยลดความร้อน ลองหันมาใช้ไม้ทำเป็นระแนงช่วยบังแสงแดดที่จะเข้ามา หรือปรับส่วนของพื้นระเบียงให้เป็นไม้ด้วยเช่นกัน เพราะไม้มีคุณสมบัติสะสมความร้อนเอาไว้น้อยและคายความร้อนออกได้เร็ว ส่วนพื้นบริเวณอื่นๆ ก็อาจจะใช้กระเบื้องหรือหินปูพื้น ก็จะช่วยเก็บความเย็น รักษาอุณหภูมิเอาไว้ได้ดีเช่นกันครับ
(ภาพจาก http://www.3d.co.th/2012/talk_09.php)
6.การเก็บน้ำฝนและใช้น้ำจากธรรมชาติ การเก็บน้ำฝนไว้ใช้ก็เป็นทางที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ เพราะน้ำฝนที่เราได้มาฟรีๆจากท้องฟ้ายังสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ จิปาถะสารพัด ปัจจุบันมีการผลิตรางน้ำฝนออกมาแบบมีตะแกรงเพื่อกรองตะกอนฝุ่น ใบไม้ หรือสิ่งแปลกปลอมที่ผสมมากับน้ำฝนบนหลังคา รางน้ำฝนก่อนที่จะลำลำเลียงน้ำฝนมาให้เราใช้ได้อีกด้วย ให้เราได้นำน้ำจากธรรมชาติมาใช้โดยไม่เสียเปล่า หรือถ้าบ้านใครยังพอเนื้อที่เหลืออยู่บ้าง จะลองขุดบ่อ สระน้ำเล็กๆเพื่อเก็บน้ำเอาไว้เผื่อไว้ใช้งานวันหลัง ส่วนการทำแท็งก์เก็บน้ำฝนควรจะตั้งอยู่บนที่สูงนะครับ จะช่วยลดพลังงานได้มากกว่าการปั๊มสูบน้ำมาใช้จากแหล่งเก็บน้ำระดับพื้นดินพวกบ่อน้ำ สระน้ำ เพราะเราะจะปั๊มน้ำสูบขึ้นไปที่แท็งก์น้ำจุดเดียว จากนั้นเมื่อจะเปิดใช้ก็สามารถปล่อยให้แรงดันน้ำจากที่สูงเป็นตัวสูบน้ำลงมาให้เราเอง
(ภาพจาก http://www.homes-house.com/green-home-design-to-maximize-a-small-garden-and-a-terrace-above-the-house.html)
7.รู้จักกางร่มสีเขียวให้กับบ้านของเรา ที่ผมกำลังพูดถึงอยู่นั่นก็คือการปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้าน หลักการพื้นฐานการใช้พลังงานจากธรรมชาติให้เป็นประโยชน์นั่นเองครับ ทุกๆบ้านควรจะมีต้นไม้ไม่ว่าจะใหญ่น้อยแค่ไหนก็ตามอยู่ในบ้าน นอกจากต้นไม้จะช่วยสร้างความร่มรื่นและเป็นมุมพักผ่อนสบายตาให้กับเราแล้ว ใบไม้รูปทรงหลากสีสันที่แผ่กิ่งก้านออกไปยังทำหน้าที่เป็นเหมือนร่มสีเขียวช่วยบังแสงแดดที่ตกสู่ตัวบ้านของเราด้วย ให้ร่มเงาที่เย็นสบายแก่ผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ลดความร้อนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมรอบๆบ้าน ดูดซับน้ำเมื่อยามฝนตกไม่ให้ท่วมขัง ถ้าไม่มีพื้นที่เหลืออยู่มากมาย ก็หันมาปลูกพืชขนาดเล็กๆก็ได้ครับ เป็นได้ทั้งแบบไม้เลื้อยเกาะผนังทางด้านทิศใต้และทิศตะวันตก ไม้เลื้อยพวกนั้นช่วยลดการสะสมความร้อนในผนังได้ หรือหลายคนที่บ้านมีระเบียงหรือระเบียงที่คอนโดฯเล็กๆ อย่าปล่อยให้เป็นพื้นที่เปล่าประโยชน์ ลองจัดเป็นสวนต้นไม้เล็ก ๆ ที่นอกจากจะช่วยลดความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวอาคาร ยังได้พื้นที่นั่งพักผ่อนสายตา เป็นงานอดิเรกให้เราดูแลพืชต้นจิ๋วเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ
(ภาพจาก http://healthbodyg.hol.es/diy/diy-solar-panels-how-to-make-a-solar-panel.html)
8.การติดตั้งโซลาร์เซลล์ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เราเพิ่งเคยได้ยินกันแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาโซลาร์เซลล์ถูกพัฒนาไปมาก แต่อาจไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง แต่การติดตั้งโซลาร์เซลล์สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานไฟฟ้าให้กับบ้านคุณได้ในระยะยาวแน่นอนครับ โดยให้แผงโซล่าร์เซลล์ช่วยจ่ายกระแสไฟฟ้าโดยตรงให้เราได้ในช่วงกลางวัน ตอนที่มีแสงแดดตกลงมาที่แผ่นวงจร และจะเก็บพลังงานไว้ที่แบตเตอรี่ เพื่อให้สามารถดังพลังงานมาใช้ได้ในตอนกลางคืนที่ไม่มีแดดแล้ว หรือทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าสำรองให้บ้านตอนไฟฟ้าดับ และท้ายสุดยังสามารถใช้ได้กับกรณีที่คุณอยากจะกิจกรรมนอกบ้าน ที่ไม่สะดวกจะต่อจากแหล่งพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น กล้องวงจรปิดที่อยู่บอกตัวบ้าน ไฟริมทางเดินในสวน เป็นต้น
วิธีการปรับเปลี่ยนให้บ้านของคุณประหยัดพลังงานมากขึ้นยังมีอีกมากมาย เริ่มได้ตั้งแต่เรื่องๆเล็กๆน้อยๆใกล้ตัวคุณ เช่น การประหยัดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ใช้เมื่อจำเป็น ถอดปลั๊กทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน หรือเน้นที่การป้องกันความร้อนที่เป็นปัญหาหลักในประเทศเขตร้อนอย่างเรา ติดผ้าม่านในบ้านที่มีกระจกเยอะ บ้านที่มีหน้าต่างก็ควรติดกันสาดบังแดดและกันฝนสาด เปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามาในตัวบ้านบ้าง ลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า วิธีการง่ายเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยการประหยัดพลังงานในบ้านของคุณได้เช่นกัน หากทุกคนในบ้านช่วยกันและเริ่มต้นลงมือทำซะตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ