เทรนด์การออกแบบที่มีชื่อเรียกต่างกัน แต่เหมือนกันในเรื่องการออกแบบเพื่ออยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม
ในอดีตความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และสภาพแวดล้อม คือ การพยายามปรับตัวเพื่อให้อยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อม แต่ปัจจุบันจำนวนประชากรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ต่างคนก็ต่างมีความต้องการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่ในจำนวนจำกัด มนุษย์บางคนที่ขาดจิตสำนึกจึงไปเบียดเบียนธรรมชาติเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เป็นเหตุให้เกิดปัญหาสิ่งแว้ดล้อมที่เกิดขึ้นอย่างทุกวันนี้ ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติ อีกทั้งสร้างอากาศเสีย มลพิษ หรือน้ำเสีย เป็นต้น
คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าแนวทางในการช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมได้ คือการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้มากที่สุด โดยเฉพาะพลังงาน แต่เราจะลดการใช้พลังงานได้อย่างไร ในเมื่อที่อยู่อาศัยและที่ทำงานของเราทุกวันนี้ไม่ได้เอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา หากอากาศร้อนก็ต้องเปิดแอร์ ห้องไม่สว่างก็ต้องเปิดไฟ เราแทบจะไม่สามารถลดการใช้พลังงานได้เลย หากไม่มีการปรับเปลี่ยนอาคารที่อยู่อาศัย ให้เหมาะกับการใช้ชีวิตและประหยัดพลังงาน เราจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ จึงนำมาสู่แนวคิดการออกแบบสถาปัตยกรรม ให้คนสามาารถอยู่ได้โดยใช้พลังงานน้อยที่สุด หลักการออกแบบนี้ คือ สถาปัตกรรมสีเขียว (Green Architecture) และ สถาปัตยกรรมแบบยั่งยืน (Sustainable Architecture)
Green Architecture คืออะไร ?
สถาปัตยกรรมสีเขียว หรือ Green Architecture คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยให้อาคารสามารถใช้ ประโยชน์จากสภาวะแวดล้อมตามธรรมชาติ และสร้างสมดุลระหว่างการประหยัดพลังงานและการอยู่อาศัย
โดยจะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ
1. ความสอดคล้องกับสภาพอากาศ มีการคำนึงถึงการจัดวางพื้นที่ใช้สอยอาคาร ตามทิศทางแดดทิศทางลมธรรมชาติ และการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างตกแต่งที่เข้ากับท้องถิ่นนั้นๆ
2. อยู่สบาย หลักการความอยู่สบายของมนุษย์ต้องคำนึงถึงอุณหภาพ (Thermal Comfort) แสงสว่าง (Visual/Lighting Comfort) เสียง (Acoustical Comfort) และคุณภาพอากาศภายใน (Indoor Air Quality : IAQ)
3 ใช้พลังงานธรรมชาติ ซึ่งเป็นพลังงานที่สามารถนำมาใช้ทดแทนได้ (Renewable Energy) เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานจากน้ำ พลังงานจากดิน พลังงานลม พลังงานจากพืชพันธุ์ และ พลังงานสัตว์จากมูลสัตว์
หากนึกไม่ออกว่าอาคารสีเขียวมีหน้าตาเป็นอย่างไร ให้นึกถึงบ้านเรือนไทยในสมัยก่อน ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม วัสดุ และการถ่ายเทอากาศ ทำให้คนสมัยก่อนอยู่บ้านโดยไม่ต้องใช้พลังงานมาก ไม่มีแอร์หรือพัดลมก็สามารถอยู่ได้
Sustainable Architecture คืออะไร ?
Sustainable Architecture หรือ สถาปัตยกรรมแบบที่ยั่งยืน คือ งานออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศน์ สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายในการออกแบบที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุดและสร้างสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ มีผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงและคงอยู่เพื่อมนุษยชาติในรุ่นต่อๆ ไป
“สถาปัตยกรรมแบบยั่งยืนใช้แนวคิด ธรรมชาติ + เทคโนโลยี เป็นหัวใจหลักในการออกแบบ”
Nature – Driven Technologies
เป็นวิธีการพึ่งพาธรรมชาติ นำมาใช้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยพยายามนำเทคโนโลยีเครื่องกลมาใช้ในอาคารให้น้อยที่สุด เป็นการพึ่งพาสภาวะแวดล้อมธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น ใช้ต้นไม้บังแสงแดดให้อาคาร หรือ การเปิด court กลางอาคาร เพื่อลดการใช้ไฟในเวลากลางวัน เป็นต้น
Technology – Driven Strategies
เป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ และประสิทธิภาพให้สูงที่สุด โดยการดัดแปลงให้เหมาะสม เพื่อการประหยัดพลังงาน เช่น การใช้วัสดุสังเคราะห์แทนการใช้วัสดุจากธรรมชาติจริงๆ เป็นต้น
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า Green Architecture และ Sustainable Architecture แม้ภายนอกอาจจะเขียนไม่เหมือนกัน แต่โดยหลักการแล้วนั้นคล้ายกัน เพราะต่างก็เป็นการออกแบบที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เน้นการรบกวนธรรมชาติให้น้อยที่สุด โดยนำเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วหรือสมัยใหม่มาปรับใช้กับธรรมชาติที่มีอยู่เดิม เกิดเป็นการบูรณาการศาสตร์ในด้านต่างๆ เพื่อนำไปสู่สถาปัตยกรรมยั่งยืนที่เราฝันหากัน
ขอบคุณรูปภาพจาก pinterest
และข้อมูลจาก slideshare , architectural69