30% คือสัดส่วนพื้นที่ว่าง ที่ต้องเว้นไว้เป็นพื้นที่ Open Space (พื้นที่เปิดโล่งตั้งแต่พื้นถึงท้องฟ้า) เป็นกฎหมายอาคารที่กำหนดไว้หากจะออกแบบบ้านสักหลัง เป็นเพียงตัวเลขขั้นต่ำที่บ้านหลังหนึ่งควรจะมีพื้นที่โล่งเพื่อให้ได้ “หายใจ”
และคนส่วนใหญ่ก็มักจะสร้างบ้านให้เต็มพื้นที่ เท่าที่จะเต็มได้มากที่สุด โดยเฉพาะคนไทย ที่คิดว่าการมีบ้านพื้นที่ใหญ่ๆ (แม้จะเกินความจำเป็น) เป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ควร… บทความนี้กำลังจะบอกคุณ ถึงข้อดีของการ “ไม่สร้างบ้านเต็มพื้นที่ดิน” ว่าจริงๆแล้ว มันน่าสนใจและทำให้บ้านน่าอยู่ได้ง่ายกว่า
1. มีพื้นที่ด้านหน้าบ้าน หรือ หลังบ้าน เป็นพื้นที่ส่วนตัว
สำหรับบ้านที่เว้นพื้นที่หน้าบ้านไว้เป็นสวนบ้าง ที่จอดรถบ้าง หรือทางเดินบ้าง ทั้งหมดเหมือนเป็น Buffer ที่จะกั้นให้บ้านนั้นเกิดความเป็นส่วนตัว ทั้งเรื่องมลพิษจากเสียง ควัน หรือกลิ่นที่มาทางถนนหน้าบ้าน
และสำหรับบ้านที่เว้นพื้นที่ด้านหลังไว้เป็นสวน คุณจะได้สวนส่วนตัวที่เป็นพื้นที่ของครอบครัวจริงๆ ตัวบ้านนั้นจะเป็นตัวกั้นให้บ้านเกิดความเป็นส่วนตัว และสร้างพื้นที่ปิดล้อมให้รู้สึกอบอุ่น
2. มีพื้นที่ด้านข้างบ้าน สร้างบรรยากาศและการใช้งาน
หลายครั้งที่เรามักเห็นบ้านที่สร้างชิดรั้วมากๆ โดยห่างกันเพียง 50 เซนติเมตร (แน่นอนว่า 50 เซนติเมตรนั้น ใช้การอะไรไม่ได้) โดยผนังด้านนั้นเป็นผนังทึบ … เปลี่ยนใหม่โดยลองเว้นเข้ามาสัก 3 เมตร เป็นอย่างน้อย แล้วจะพบว่า ทั้งแสง ลม และความน่าอยู่ จะพัดพาเข้าสู่บ้านของคุณ หรือจะเป็นการเว้นเป็นพื้นที่สวนเล็กๆกลางตัวอาคาร หรือที่ด้านใดด้านหนึ่ง โดยเปิดโล่งสู่ท้องฟ้าไม่มีหลังคาบัง ก็จะได้ธรรมชาติสร้างความน่าอยู่ให้บ้านได้ไม่ยาก
3. เมื่อบ้านไม่คับ บ้านก็หายใจได้
เหมือนการที่เราใส่เสื้อที่ไม่คับเกินไป มีช่องว่างให้ได้หายใจ ให้ลมได้พัดผ่าน บ้านของเราก็จะระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน รวมถึงไม่อับชื้นด้วย
เพียง 3 ข้อหลักนี้ ผมคิดว่าก็น่าจะเพียงพอแล้ว ที่จะทำให้เรายอมสร้างบ้านแบบไม่เต็มพื้นที่ดิน… ลองดูครับ มันน่าสนุกกว่าเป็นไหนๆ ^^