ไต้หวัน ประเทศที่ไม่ได้มีแค่ชานมไข่มุกและของอร่อยชื่อดังเท่านั้น แต่ยังเป็นเมืองที่คนรักการออกแบบต้องหลงรัก เพราะไต้หวันมีทั้งสถาปัตยกรรม ศิลปะ และการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และยังมีความน่ารักในแบบของไต้หวันโดยเฉพาะ
ช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมา Dsign Something ออกทริปท่องเที่ยว ณ ประเทศไต้หวัน ปักหมุดที่เมืองไทเป เจียอี้ และอาลีซาน แม้เป็นทริปสั้นๆแต่ก็ทำให้เรารู้สึกว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ทั้งธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ผู้คนที่น่ารัก และศิลปะ สถาปัตยกรรมหลายรูปแบบที่ปะปนไปอย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตของผู้คนในเมือง ซึ่งเราได้สรุปความน่าสนใจต่างๆในนี้แล้ว ตามไปชมกันค่ะ…
ไต้หวัน (Taiwan) เป็นประเทศที่อยู่ติดกับจีน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ โดยใช้ภาษาจีนในการสื่อสารเป็นหลัก มีภูมิศาสตร์ที่อยู่ติดทะเล มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ส่วนสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลมาจากจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากเคยตกเป็นเมืองขึ้นของทั้ง 2 ประเทศ ต่อมาไต้หวันจึงได้เป็นประเทศอิสระที่ไม่ต้องขึ้นตรงกับประเทศไหนอีก หลังเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่ปี
ระบบขนส่งที่สมบูรณ์
การเดินทางในไต้หวันนั้นมีทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดิน และรถบัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไทเป ซึ่งเป็นเมืองหลวงของไต้หวันนั้นมีการเดินทางครอบคลุมทั้งเมือง เพียงมีบัตร Easy card บัตรเดียว ก็สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน ทั้ง รถไฟ รถบัส หรือแม้แต่นั่งกระเช้าชมวิว นอกจากนั้นเจ้าบัตรใบนี้ ยังสามารถซื้อของในร้านสะดวกซื้อได้อีกด้วย Easy card คือบัตรที่มีแนวคิดว่า Touch-and-go หรือแตะแล้วไปเลย ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2543) โดยเกิดจากการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของไต้หวันนั่นเอง
ป้ายบอกเวลารถบัสทั่วเมืองไทเปจะมีความแม่นยำสูงมาก มีทั้งการบอกเวลาว่ารถบัสที่เรารอ มีสายไหนบ้าง และจะมาถึงภายในกี่นาที ซึ่งเป็นป้ายข้อความดิจิตอลที่มีการอัพเดทเวลาอยู่ตลอดเวลา และยังมีภาษาอังกฤษกำกับอยู่ตลอด ในมุมมองของนักท่องเที่ยวทำให้เกิดความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เพราะไม่ต้องกังวลในว่าจะหลงทางอีกต่อไป
ฟุตบาทของไต้หวันมีการแบ่งเส้นอย่างชัดเจนระหว่างทางจักรยาน ทางคนเดิน และทางรถ เพื่อความปลอดภัยและรวดเร็ว บนฟุตบาทยังมีการออกแบบที่รองรับการใช้งานของผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นการทำทางลาดสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นในการสัญจร และสำหรับคนเดินข้ามถนนตลอดทาง เรารู้สึกได้เลยว่าทางไต้หวันเขาใส่ใจเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชากร และเรื่องเล็กๆแบบนี้ยังสามารถสร้างความประทับใจที่ยิ่งใหญ่ให้แก่นักท่องเที่ยวแบบเราได้อีกด้วย
มองเมืองใหม่ ผ่านสถาปัตยกรรมเก่า
สิ่งที่เราสังเกตได้ชัดในเรื่องสถาปัตยกรรมของประเทศไต้หวันนั้น คือการที่มีตึกเก่าและตึกใหม่ผสมผสานกันในเมืองไทเป โดยตึกเก่ามักจะเป็นอาคารที่ไม่สูงมากนัก มีลักษณะคล้ายทาวน์เฮ้าส์ของประเทศไทย และวัสดุที่ใช้เกือบทุกตึกเป็น โมเสก (mosaic) หลากสีสัน มีความแตกต่างกันที่รูปแบบและความละเอียดของโมเสก ส่วนตึกใหม่จะเป็นตึกที่มีการออกแบบทันสมัย เช่นตึก Taipei 101 ที่เป็นแลนด์มาร์คของไทเป เป็นตึกที่สูงตระหง่านเทียมฟ้า ซึ่งโดดเด่นออกมาจากบริบทรอบข้าง
นอกจากนั้น หลายๆตึกที่เราได้เข้าไปใช้งาน ภายนอกอาคารจะดูค่อนข้างเก่า เป็นอาคารที่มีการใช้งานมานานแล้ว แต่พอได้เข้าไปจะพบว่า ภายในอาคารได้ถูกรีโนเวทใหม่เกือบทั้งหมด เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งาน ความรู้สึกที่เราได้รับจากภายนอกและภายในอาคารจะมีความต่างกันอย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะว่า การใช้งานอาคารเป็นแบบทุนนิยมสมัยใหม่แต่ยังคงรูปแบบอาคารเก่าไว้อยู่นั่นเอง
ส่วนในต่างจังหวัดเมืองที่เราไปมาคือ เจียอี้ บ้านและอาคารภายในเมืองจะใช้วัสดุเป็นโมเสกแทบทั้งหมด และยังมีการคุมโทนสีสันของอาคารให้ไปในทิศทางเดียวกันอีกด้วย
คนไต้หวันมักจะใช้โมเสกเป็นวัสดุหลักของเปลือกนอกอาคาร เพราะในสมัยก่อนโมเสกมีวิธีการทำที่ค่อนข้างง่าย ใช้งบประมาณน้อยในการติดตั้ง มีการขนส่งที่สะดวกสบายเพราะไต้หวันเป็นประเทศที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา ถ้าใช้คอนกรีตหรือไม้จะขนย้ายได้ลำบากกว่า นอกจากนั้นโมเสกยังให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายและมีความสวยงามภายในตัวอีกด้วย จึงเป็นการสืบทอดและใช้มาอย่างต่อเนื่องถึงในปัจจุบัน เรารู้สึกได้ว่าเมืองเจียอี้นี้มีทั้งความน่ารักและน่าสนใจอยู่ในเมืองเดียวกัน อีกทั้งชีวิตในชนบทของคนไต้หวันก็ดูเรียบง่ายและไม่เร่งรีบเหมือนเมืองใหญ่อย่างไทเปเลย
ความร่มรื่นท่ามกลางเมืองใหญ่
ไทเปเป็นเมืองที่มีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก ในบางสถานที่ต้นไม้จะโค้งรับกันเป็นทางยาว คล้ายกับเป็นอุโมงค์ต้นไม้ การที่มีต้นไม้อยู่ค่อนข้างเยอะ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะกับการเดินเล่น พักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในเมืองได้ จนกว่าจะรู้ตัวอีกที เราก็เดินมาไกลจนใกล้ถึงที่หมายเสียแล้ว เป็นการเดินเที่ยวชมภายในเมืองที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
นอกจากต้นไม้ที่เรียงรายตามถนนแล้ว เรายังพบว่าบ้านในไทเปมีการแขวนกระถางต้นไม้เล็กใหญ่ตรงระเบียงแทบทุกห้อง ถึงแม้ว่าบางอาคารจะมีระเบียงที่แคบ แต่เขาก็ยังตกแต่งระเบียงบ้านด้วยกระถางต้นไม้ที่เล็กจิ๋วอยู่ดี ถ้ายังนึกภาพไม่ออก ให้ลองจินตนาการถึงบ้านเราที่มีการตากเสื้อผ้าไว้ที่ริมระเบียงห้อง แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งหมดให้เป็นกระถางต้นไม้แทนนั่นเอง
ใส่ใจในรายละเอียด
ไต้หวันเป็นประเทศที่ใส่ใจในรายละเอียดแทบทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ฝาท่อระบายน้ำก็มีการออกแบบและมีความหมายแฝงอยู่ในนั้นเช่นกัน โดยฝาท่อระบายน้ำที่เราเห็นมากที่สุดจะเป็นรูปต้นสนและปลาอยู่ ซึ่งการที่พวกเขาออกแบบโดยใช้ต้นสนและปลานั้น มีความหมายที่สื่อถึงน้ำประปาในเมืองไทเป เพราะถ้าน้ำมีความสะอาดจนถึงจุดหนึ่ง ปลาจะสามารถแวกว่ายอยู่ในท่อน้ำใต้ดินได้ ส่วนน้ำที่บำบัดแล้วก็สามารถนำไปใช้รดน้ำต้นไม้ต่อได้อีก และต้นไม้ก็จะเติบใหญ่อย่างสวยงาม ซึ่งนี่เป็นแนวคิดของการออกแบบฝาท่อระบายน้ำที่มีจุดเด่นและน่ารักมาก
พื้นที่ส่วนกลาง สร้างความสัมพันธ์
ในทุกวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น หรือแม้แต่คู่รัก มานั่งพูดคุยกันในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วเมือง และด้วยความที่ไต้หวันมีพื้นที่สาธารณะค่อนข้างเยอะ ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมีการปลูกต้นไม้ มีสวน มีม้านั่ง โต๊ะ ที่สามารถรองรับการใช้งานของผู้คนหลากหลายช่วงวัย อีกทั้งในบางพื้นที่จะมีของเล่นสำหรับเด็ก มีลานว่าง ที่ผู้คนมาทำกิจกรรมร่วมกันในวันหยุด ไม่ว่าจะเป็นเล่นสเกตบอร์ด ขี่จักรยาน หรือแม้แต่ซ้อมเต้นเป็นกลุ่ม คนไต้หวันมักนัดเจอกันและใช้เวลาด้วยกัน ทั้งตอนเย็น และวันหยุด ในพื้นที่สาธารณะมากกว่าการใช้เวลาในห้างสรรพสินค้า เพราะพื้นที่สาธารณะสามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้คนในละแวกนั้นได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งมีการวางแผนผังที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายกิจกรรมอีกด้วย
นอกจากพื้นที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้าแล้ว ยังมีอาคารอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Moca, Fine Art Museum, Artist Village, Creative Park ทั้งหมดนี้เป็นพื้นที่สาธารณะของคนรักศิลปะ ที่มีอยู่หลากหลายในเมืองไทเป
Creative Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ภายในโครงการมีทั้งร้านขายของเกี่ยวกับงานอาร์ท แกลอรี่รวมรูปภาพทั้งภาพวาดและภาพถ่าย ร้านอาหารที่มีการตกแต่งอย่างสวยงาม และในทุกวันหยุดจะมีศิลปินมาแสดงโชว์อย่างหนาแน่น โดยบรรยากาศของสถานที่นี้ มีทั้งความร่มรื่น ความผ่อนคลาย จากการออกแบบพื้นที่ได้อย่างเป็นสัดส่วน มีต้นไม้เรียงรายกันตลอดทางเดิน และยังมีที่ลานกิจกรรมหลายแห่งซึ่งเหมาะสมกับผู้ใช้งานทุกช่วงวัย Creative Park คือสถานที่ ที่เราชอบมากที่สุด และใฝ่ฝันว่า ประเทศไทยจะมีพื้นที่แบบนี้เช่นกัน
Taipei Art City
ศิลปะแฝงตัวอยู่ท่ามกลางความเจริญของเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ไหนก็ตามก็จะพบศิลปะอยู่กับเราในทุกที่ เช่น จิตกรรมบนฝาผนัง รูปปั้นในสวนสาธารณะ หรือแม้แต่แกลลอรี่รวมผลงานศิลปินชื่อดังที่อยู่ในรถไฟใต้ดิน ทุกสิ่ง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะทั้งสิ้น เริ่มจากใบปลิวที่แปะอยู่ตามตู้จดหมาย กราฟฟิตี้อย่างถูกกฏหมายซึ่งถูกวาดอยู่บนผนังหลายต่อหลายที่ ศิลปะชิ้นเล็กจากโมเสกที่ประกอบกันจนเกิดเป็นเรื่องราวอันสุดแสนจะน่ารัก ซึ่งแต่ละสถานที่ ที่กล่าวมานั้นคนรักงานดีไซน์และศิลปะต้องไม่พลาดที่จะไปถ่ายรูป และนำมาเก็บเป็นคอลเลคชั่น Taipei Art City สุดเก๋
สุดท้ายนี้ไต้หวันไม่ได้มีเรื่องน่าสนใจแค่เรื่องที่เราได้เล่าไปเท่านั้น หากยังมีเรื่องอื่นที่มากกว่านั้น! ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ศิลปะ สถานที่ หรือแม้แต่ธรรมชาติแบบลงลึกถึงรายละเอียด ที่เราจะนำมาเสนอเรื่องราวความคูลของประเทศไต้หวันตลอดเดือนมกราคมนี้ ผ่านมุมมองของ DsignSomething แล้วคุณจะพบว่าไต้หวันมีเรื่องราวที่น่าค้นหามากกว่าชานมไข่มุกแน่นอนค่ะ