หนึ่งในวิธีที่จะช่วยปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเจ้าของบ้านและแขกที่มาเยือน ที่ง่ายที่สุดคือการทาสี เพราะเป็นการเปลี่ยนมุมมองของบ้านที่เห็นผลมากที่สุดในภาพรวม เฉดสีที่เลือกมีผลต่อความรู้สึกในทุกด้านต่อผู้มองเห็น ดังนั้นเราลองมาดูหลักการและแนวทางในการเลือกใช้สีภายในบ้านเพื่อทำให้คนภายในบ้านและผู้ที่มาเยือนรู้สึกดีกันดีกว่า
ก่อนอื่น ลองมาทบทวนกันหน่อย ว่าสีต่างๆมีผลต่อารมณ์ของห้องหรือผู้อยู่อาศัยอย่างไรบ้าง พื้นฐานที่สุดคือสีโทนร้อน (เช่น สีส้ม สีแดง สีเหลือง) ที่จะให้ความรู้สึกสดใส กระปรี้กระเปร่า กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ เราจะเห็นว่าร้านอาหาร fast food ใช้สีโทนร้อนในการตกแต่ง เพราะช่วยให้เจริญอาหาร ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทำให้ลูกค้านั่งแช่อยู่ในร้านนานเกินไปด้วย ส่วนสีโทนเย็น (เช่น สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว) จะให้ความรู้สึกสงบ สุภาพ เยือกเย็น จึงพบเห็นได้ใน space ที่ใช้สำหรับพักผ่อน
(ภาพจาก www.joytv.gr)
แต่หลักการพื้นฐานนั้นเป็นเพียงไกด์ไลน์ จะเห็นว่าทุกวันนี้หลายบ้านทาสีห้องนอนด้วยสีแดง ทาสีห้องครัวด้วยสีน้ำเงิน หรือไม่ก็ทาสีห้องทำงานด้วยสีดำ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนบุคคล เพียงแต่ต้องคำนึงถึงว่าแต่ละห้องมีพื้นที่เท่าไหร่ จะทาทั้งหมดหรือทาเพียงผนังด้านในด้านหนึ่ง ทาคู่สีใกล้เคียงหรือตรงข้าม ซึ่งเป็นเรื่องสนุกที่เจ้าของบ้านจะได้ทดลองลงมือทำ คำแนะนำคือ ค่อยๆเลือกแล้วตัดสินใจ คิดถึงพื้นที่ คิดถึงเฟอร์นิเจอร์หลักในห้อง มองภาพรวมแล้วคุณจะค่อยๆมีไอเดียชัดขึ้นเรื่อยๆ
(ภาพจาก http://www.lonny.com)
นั่นเป็นเรื่องของ emotional แต่การใช้สีตกแต่งยังมี functional หลายข้อที่น่าสนใจ เช่น ช่วยให้การออกแบบดูสมบูรณ์มากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างที่ปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงลำบาก เช่น ห้องที่มีพื้นที่ไม่มาก ทุบเพื่อขยายก็ไม่ได้ อาจใช้การทาสีขาวเพื่อพรางตาให้ห้องดูกว้างและสว่างขึ้น ในทางกลับกันถ้าคุณมีห้องโถงซึ่งมีเพดานสูงมากๆ การทาสีผนังด้วยสีเข้มๆ (อาจทาเพียงผนังด้านเดียว) ก็ช่วยให้ห้องดูแคบลงได้หรือการทาสีสลับกับการใช้วัสดุอื่น เช่น ทาสีสลับกับการติดกระเบื้อง ทาสีกับการติดวอลเปเปอร์ ก็จะทำให้ห้องดูมีมิติ ไม่แบนราบได้เช่นกัน
ขยับมาที่ functional อีกอย่างที่หลายคนมองข้าม ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นคุณสมบัติที่จะอยู่กับห้องหรือบ้านคุณไปอีกยาวนาน นั่นคือเรื่องของการทำให้บ้านสะอาด แน่นอนว่าสีทาภายในในท้องตลาดทุกวันนี้ ล้วนใส่สารที่ช่วยให้เนื้อสีเรียบลื่นขณะทา หรือเมื่อทาแล้วก็ทำให้เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายมากขึ้น แต่ฟังก์ชั่นที่ซ่อนอยู่ และอาจไม่ได้มองเห็นด้วยตาอย่างการช่วยย่อยลลายสารพิษในอากาศหล่ะ?
หนึ่งในสารเคมีที่ก่อให้เกิดสารระเหยพิษสะสมระยะยาวในงานออกแบบตกแต่ง (รวมถึงในอุตสาหกรรมอีกหลากหลายประเภท) ก็คือ Formaldehyde (ฟอร์มาลดีไฮด์) หรือที่รู้จักกัน ในชื่อของ Formalin (ฟอร์มาลีน) หรือ สารกันเสีย ที่มากับเฟอร์นิเจอร์ บิลด์อิน หรือวัสดุตกแต่ง เช่น กาวในการยึดติด ไม้อัด ฉนวนกันความร้อน ไปจนถึงน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ นั่นหมายความว่า คุณจะได้รับสารพิษจากแทบทุกสิ่งในชีวิตประจำวันเพียงแค่สูดดมทางลมหายใจเท่านั้น โดนอาการหลักๆของคนที่ได้รับสารฟอร์มาลดีไฮด์ก็เช่น ในระยะสั้นก็จะเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ตา จมูก และคอ ส่วนระยะยาวคือมันเป็นสารที่อาจให้ก่อให้เกิดมะเร็งบางชนิด และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
TOA จึงได้คิดค้นและพัฒนาสี DURACLEAN A+ นวัตกรรมขั้นสูงสุดของสีทาภายในที่ช่วยย่อยสลายสารระเหยพิษจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ในอากาศ ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า AirDetoxify ซึ่งจะเปลี่ยนไอระเหยที่เป็นพิษให้กลายเป็นไอน้ำ ทำให้อากาศภายในห้องบริสุทธิ์ขึ้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมถึงคุณสมบัติพื้นฐานอย่างการเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย (พิสูจน์มาแล้วด้วยการเช็ดล้างผนังมากกว่า 200,000 รอบ) เพราะมี Microban (ลิขสิทธิ์เฉพาะของ TOA) ที่ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อราได้ 99.99% ทาแล้วก็แห้งไวใช้พื้นที่ได้ทันที ขณะทาก็ไม่แสบตาแสบจมูกเพราะปลอดจากสารปรอทและตะกั่ว เรียกว่า TOA DURACLEAN A+ เป็นสีทาภายในที่จะทำให้ผนังของคุณสวย สะอาด ปราศจากแบคทีเรีย เชื้อรา และสารพิษ
ปลอดภัยระดับสูงสุด A+ จากการระเหยของสารพิษภายใต้การรับรองตามมาตราฐานของฝรั่งเศส เป็นรายแรกในประเทศไทยและอาเซียน และเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยและเอเซีย ที่ได้รับเครื่องหมาย Sensitive Choice โดยสภาโรคหอบหืด ประเทศออสเตรเลีย ไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจและไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง นอกจากนั้น ยังช่วยลดอาการภูมิแพ้จากสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้อีกด้วย
สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.toagroup.com หรือwww.facebook.com/toapaint หรือโทร.สอบถามได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ที่เบอร์ 0-2335-5777