การที่บ้านหลังหนึ่งจะก่อร่างสร้างผนัง พื้น และหลังคาจนแล้วเสร็จ จำเป็นที่จะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้าง งานพื้นผิว และงานระบบทั้งงานไฟฟ้าและประปา ซึ่งเปรียบเหมือนเส้นเลือดที่คอยหล่อเลี้ยงให้บ้านหลังนั้นสมบูรณ์ที่สุด บางครั้งเราอาจจะเห็นว่ามันถูกซ่อนจนไม่เห็นร่องรอย หรือบางครั้งงานระบบก็ถูกดึงลอยออกมาจากโครงสร้าง DTALK วันนี้จึงขอนำเรื่องของงานระบบดังกล่าว เพราะมีข้อควรรู้เล็กๆน้อยๆแต่เป็นเรื่องสำคัญ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรจะซ่อนหรือจะโชว์งานระบบเหล่านี้ ข้อมูลเหล่านี้ อาจจะช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ
1. ซ่อนงานระบบเพื่อ…
เหตุผลหลักของการซ่อนงานระบบคือเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม อีกทั้งยังเป็นเรื่องของความพึงพอใจ แนวคิดของเจ้าของบ้านและผู้ออกแบบด้วย บางคนอาจไม่ชอบที่จะเห็นท่อร้อยสายไฟมาเดินที่ผนัง หรือเห็นทางท่อทั้งหมดเมื่อเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ฉะนั้นทั้งสายไฟ ท่อน้ำประปา ท่อน้ำทิ้ง หรือท่อแอร์จึงถูกซ่อนไว้ในผนัง พื้น และฝ้าเพดาน
2. ท่อ PVC เป็นเชื้อเพลิงได้
เป็นฉนวนไฟฟ้าไปในตัว สามารถดัดงอได้บ้าง สะดวกในการเดินท่อ ตัดต่อได้ง่าย ราคาถูก แต่ข้อเสียของ PVC คือถ้าเกิดไฟฟ้าลัดวงจร สายไฟไหม้ จะพาท่อ PVC ไหม้ตามไปด้วย ถ้าเป็นส่วนที่ฝังในผนัง อาจทำให้ร้อยสายใหม่ได้ยาก หรือถ้าเกิดการลัดวงจรในท่อที่ไม่ฝังในผนัง ท่อ PVCอาจเป็นเชื้อต้นเพลิงได้ แต่กรณีแบบนี้มีน้อยมาก ถ้าทดสอบระบบได้ผล โอกาสลัดวงจรก็ไม่เกิดขึ้นง่ายๆ
ภาพจาก http://www.alivalves.com/product/pvc_pipes
3. รู้จักท่อท่อ PE
ท่อ PE เป็นผลิตภัณฑ์จากเม็ดพลาสติกโพลีเอทีลีน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งไว้เดินสายไฟเหมือนกับท่อ PVC แต่มีความต่างกันที่ท่อ PE สามารถดัดงอให้ตัวได้มากกว่า ติดไฟยาง สามารถฝังดินได้ ต้านทานกรดด่าง ไม่เป็นสนิม ไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี แต่ราคาแพงกว่า ซึ่งถ้าเทียบกับโอกาสการเกิดเพลิงไหม้แล้วคุ้มค่ากว่าการใช้ท่อเหล็ก
ภาพจาก http://jimzhao.nanasupplier.com/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%AD-hdpe-152800-4.html
4. ท่อเหล็ก ทนแบบดิบๆ
ท่อเหล็กชุบกาวาไนต์มีลักษณะเหมือนกับท่อประปาแต่บางกว่า มีข้อดีที่เป็นวัสดุไม่ติดไฟ ทนต่อแรงกระแทก ไม่เกิดการคดโค้งเสียรูปในภายหลัง ทาสีได้ดีไม่หลุดร่อน ให้ความรู้สึกดิบๆสไตล์ลอฟน์ แต่มีราคาที่แพงกว่าท่อ PVC และ PE มาก ท่อเหล็กเป็นตัวนำไฟฟ้า การดัดงอตัดต่อและดึงสายยากกว่า ถ้าตัดแต่งตะใบปากท่อไม่ดี อาจมีสายไฟถูกปลายท่อบาดและเป็นสาเหตุของกระแสไฟฟ้ารั่วได้
5. ฝังไว้ ไม่ให้เหลือ
แม้ไม่ใช่ความลับ แต่เมื่อคิดจะซ่อน เราก็ควรรู้ว่าจะซ่อนมิดไหม ผนังทั่วไปความหนารวมปูนฉาบอยู่ที่ประมาณ 10 เซนติเมตร (ความหนาปูนฉาบข้างละประมาณ 1.5 เซนติเมตร) ถ้าคิดจะซ่อนบนฝ้าเพดานก็ควรเผื่อระยะจากฝ้าขึ้นไปถึงคานหรือพื้นด้านบนให้เพียงพอ เป็นสายไฟอาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเป็นท่อน้ำทิ้งจะต้องมีเรื่องของท่อที่ใหญ่กว่าและเรื่องของความลาดเอียงของท่อด้วย ควรปรึกษาสถาปนิกหรือผู้รู้ก่อนการก่อสร้าง
ภาพจาก http://smartmomsnkids.blogspot.com/2010/08/welcome-to-my-home.html
6. ตรงไหน ฝังไม่ได้
แน่นอนว่าผนังที่จะสามารถซ่อนสายไฟฟ้าได้ ต้องเป็นผนังทึบอย่างผนังก่ออิฐฉาบปูน หรือผนังเบาสำหรับการตกแต่ง แต่ก็ยังคงมีตำแหน่งที่ไม่แนะนำให้มีการเจาะผนังเพื่อซ่อนสายไฟเป็นระยะทางยาว เช่นตามแนวเสา เสาเอ็น คาน คานเอ็น ยิ่งหากเกิดปัญหารั่วซึม น้ำอาจส่งผลเสียต่อโครงสร้างได้ ทางที่ดีควรมีการออกแบบตั้งแต่ต้นว่าจะเดินท่ออย่างไร เพื่อไม่ให้ผ่านส่วนโครงสร้างของบ้าน
7. ยังมีที่อื่นให้ซ่อน
นอกจากในผนังก่ออิฐที่สามารถซ่อนท่อร้อยสายไฟได้แล้ว ยังมีที่อื่นที่สามารถซ่อนงานเหล่านี้ไว้ได้ เช่นบริเวณรอยต่อของพื้นสำเร็จรูปที่จะมีช่องว่างอยู่ แต่เราก็ต้องออกแบบตำแหน่งที่ปลายสายจะออกมาและมาเชื่อมกับดวงโคมที่ต้องการ หรือโครงสร้างเหล็กที่เป็นเสาหรือคาน I – Beam จะมีช่องว่างภายในเสาอยู่ ช่องว่างเหล่านี้สามารถซ่อนท่อร้อยสายไฟได้แต่ต้องทำแผ่นเหล็กมาปิดเพื่อความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง
8. ใช้อะไรเจาะผนัง
เหมือนเป็นคำถามง่ายๆแต่ผมเชื่อว่าหลายคนไม่รู้ อุปกรณ์ในการเจาะทำร่องเพื่อให้ท่อร้อยสายไฟสามารถฝังตัวลงไปได้ เรียกว่า “เครื่องเจียร์” ขนาดต่างๆ หรือที่ช่างเรียกว่า “ลูกหมู” เป็นอุปกรณ์เดียวกันที่เราใช้ขัดผนังเพื่อลอกสีเก่าออก หรือขัดงานไม้เพื่อความมันเงา โดยเราสามารถเลือกใบเจียร์เป็นแบบอื่นๆตามแต่ลักษณะของงานได้
ภาพจาก http://www.sabuyjaishop.com/shop/pornsunbangkok/default.aspx?url=pornsunbangkok&lang=
9. ซ่อนแล้วป้องกันด้วย
ความเป็นจริงผนังเกือบทุกประเภทสามารถซ่อนงานระบบเข้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนเรียบทาสี ผนังบุวอลเปเปอร์ ผนังบุหินหรือกระเบื้อง หรือแม้แต่กรุไม้ทับ แต่เมื่อเราใช้งานจริงท่อที่อยู่ภายในผนังอาจมีการสั่นสะเทือนเนื่องจากแรงดันของน้ำ เราจึงควรป้องกันโดยการปูตะแกรงลวดกรงไก่ทับลงไปก่อนที่จะทำการฉาบปิดผิว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับลอยต่อ
ภาพจาก http://www.vcharkarn.com/vblog/116163/20
10. ทดสอบ ก่อนฉาบปิด
ไม่ว่าจะเป็นงานท่อร้อนสายไฟหรือท่อน้ำเสีย น้ำประปา เมื่อวางระบบฝังเข้าไปในผนังเรียบร้อยแล้ว ต้องทำงานทดสอบระบบก่อนการฉาบปิดหรือบุวัสดุปิดผิว ระบบไฟฟ้าต้องทดสอบการใช้งานว่าเป็นปกติหรือไม่ ส่วนงานประปาต้องขังน้ำให้อยู่ภายในท่อเพื่อทดสอบการรั่วซึมประมาณ 1 วัน
11. ซ่อนไว้ แต่ซ่อมสะดวก
แม้ว่าเราจะซ่อนงานเหล่านี้อยู่ในผนังหรือบนฝ้าเพดาน เราก็ต้องเว้นช่องไว้ที่สามารถเปิดและปิดได้เพื่อทำการซ่อมบำรุง เช่นงานระบบที่อยู่บนฝ้าเพดานต้องทำช่องเปิด – ปิด ที่สามารถปีนขึ้นไปเพื่อทำการตรวจและซ่อมแซมงานระบบที่อยู่บนฝ้าได้ โดยตำแหน่งช่องเปิดนั้นอาจพิจารณาให้อยู่ในตำแหน่งที่ลับตาคนสักนิด เช่นห้องน้ำ หรือห้องเก็บของ
ภาพจาก http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jfamily&month=02-2010&date=10&group=1&gblog=27
12. ท่อน้ำทิ้งบนฝ้า ต้องดูความลาดเอียง
การเดินท่อน้ำทิ้งนั้นต่างจากท่อน้ำดี เพราะต้องการเรื่องของแรงโน้มถ่วงและความลาดเอียดของท่อต่างจากน้ำดีที่ใช้แรงดันจากปั๊มน้ำ ฉะนั้นควรคิดถึงระยะที่ท่อน้ำเสียจะต่อเข้ากับสุขภัณฑ์ต่างๆให้ดีก่อน ว่ามีระยะห่างจากตำแหน่งรวบท่อเพียงใด ยิ่งไกลมากความลาดเอียงก็จะยิ่งมาก สำหรับบ้านพักอาศัยนั้นไม่นิยมเจาะคานเพื่อเว้นไว้ให้เดินที่น้ำเสียเหล่านี้ จะใช้การเดินลอดใต้คานแทน
ภาพจาก http://chetthakorn-prapa.webiz.co.th/
13. เดินท่อใต้ดิน ต้องใช้ท่อ PE
การเดินท่อประปาในส่วนที่อยู่บนดิน อาจใช้ท่อ PVC. หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี (GAVANIZE) ก็ได้ แต่สำหรับท่อที่อยู่นอกอาคาร โดยเฉพาะท่อที่อยู่ใต้ดินใต้อาคาร ควรใช้ท่อ PE ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการบิดงอโค้งได้ ในกรณีเดินผ่านเสาตอม่อหรือคานคอดิน สำหรับท่อธรรมดาจะมีข้อต่อมากซึ่งเสียงต่อการรั่วซึม และที่สำคัญเมื่อมีการทรุดตัวของอาคาร หากเป็นท่อ PVC หรือท่อเหล็กชุบสังกะสี ท่อจะเกิดการแตกร้าวได้ แต่ถ้าเป็นท่อ PE จะมีความยืดหยุ่นกว่า ถึงแม้จะมีราคาที่สูง แต่ก็คุ้มค่าเพราะการตรวจสอบและซ่อมแซมท่อใต้ดินเป็นสิ่งที่ยากลำบาก
14. จะโชว์ควรเป็นระเบียบ
หากคิดจะโชว์งานระบบไม่ว่าจะเป็นท่อร้อยสายไฟ ท่อน้ำ หรือท่อแอร์ ต้องมีการจัดระเบียบ วางระยะห่างของท่อให้เท่าๆกัน ทั้งระยะของตัวยึดที่ห่างเท่าๆกัน ระยะตำแหน่งของดวงโคมที่เท่าๆกัน หรือเดินท่อให้มีทิศทางที่เป็นระเบียบ องศาที่แน่นอน หรืออยู่แนวเดียวกับเส้นเซาะร่องที่ผนัง เป็นต้น
15. โชว์เพื่อการแก้ปัญหา
บางครั้งการโชว์งานระบบนั้นก็เพื่อการแก้ปัญหาห้องเล็กที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงห้องให้เปิดโล่งไม่อึดอัดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกจากการรื้อฝ้าเพดานออกเพื่อเพิ่มความสูงของห้อง อาจทาสีขาวทับทั้งหมด ทั้งท้องพื้นชั้นบนและงานท่อของระบบต่างๆ ก็ช่วยให้ห้องดูโล่งและเป็นระเบียบขึ้น
16. ห้องบางห้อง ก็ไม่เหมาะที่จะโชว์ท่อ
ตามข้อความข้างต้น เพราะบางครั้งงานระบบเช่นท่อแอร์นั้นจะมีการสั้นสะเทือนเล็กน้อย รวมไปถึงเสียงดังและฝุ่นละออง อาจไม่เหมาะนักหากจะโชว์ท่อในห้องที่ต้องการความสะอาดมากๆ เช่นห้องที่มีเด็กทารก ห้องรับประทานอาหาร เป็นต้น การมีเพดานปิดที่ห้องเหล่านี้ให้เรียบร้อย น่าจะดีที่สุด
17. สิ่งที่โชว์ ต้องควรค่า
เมื่อคิดจะโชว์งานระบบไม่ว่าจะเป็นท่อร้อยสายไฟ ท่อประปา ท่อน้ำทิ้ง หรือท่อแอร์ เราควรแน่ใจว่าเรายอมรับได้กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ความรู้สึกรวมไปถึงสไตล์ของบ้านก็จะไม่ใช่แบบเรียบหรู แต่จะเป็นสวยงามแบบดิบๆ และหากมีส่วนใดที่เราต้องสัมผัสโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นท่อน้ำประปาในห้องน้ำที่เราตั้งใจโชว์ให้เห็นเหมือนงานศิลปะ ท่อเหล็กเหล่านั้นก็ควรได้รับการคัดเลือกแล้ว ว่ามันเหมาะกับรูปแบบของห้องหรือบ้านหลังนั้นๆ
18. ใช้งานแบบผสมผสาน
ไม่ว่าจะเป็นท่ออะไรเมื่อเกิดการลัดวงจรหรือชำรุด มักจะต้องรื้อสายเดินท่อใหม่ ในบางครั้งอาจใช้งานผสมกัน เช่น ถ้าต้องการเดินท่อฝังในผนัง อาจเลือกใช้ท่อ PVC ผสมกับท่อเหล็กในส่วนที่เดินท่อภายนอก และเลือกใช้ท่อ PE ในส่วนที่ต้องเดินท่อโค้งงอหรือเดินท่อเพื่อกันน้ำหรือภายนอกอาคาร
19. อย่าลืม Junction Box
ไม่ว่าจะเป็นการเดินสายไฟในท่อที่ฝังในผนังหรือเดินลอยภายนอก จำเป็นที่จะต้องมี Junction Box ใน
ตำแหน่งที่เป็นจุดตัดของวงจร ทั้งเพื่อการเชื่อมต่อสายไฟอย่างปลอดภัย ไม่ต้องดัดงอท่อแล้ว ในการซ่อมบำรุงก็ง่ายด้วย เพราะเราสามารถดึงสายไฟที่ชำรุดออกมาได้จากตำแหน่งนี้
ภาพจาก http://www.directindustry.com/prod/wiska/plastic-junction-boxes-14556-539952.html
20. ท่อระบายน้ำ PVC ที่ระเบียง ต้องระวัง
ระเบียงภายนอกที่ฝนสามารถสาดเข้ามาได้ จำเป็นที่จะต้องมีทางเพื่อระบายน้ำออก หากไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่แรก สุดท้ายก็จะพบกับการเจาะรูแล้วนำท่อ PVC ตัดเฉียงมาเสียบเพื่อระบายน้ำ แต่ถ้าจะให้ดูเรียบร้อยสวยงามกว่านี้ ก็ควรจะเจาะรูที่พื้นและติดตั้งตะแกรงกรองเศษขยะ และเดินท่อทะลุพื้นและรวบเดินมายังตำแหน่งที่เหมาะสม น้ำที่ออกมาก็จะไม่กระจายด้วย