จุดพักชาร์จพลังระหว่างทางกลับบ้าน สตาร์บัคสาขาบ้านใหญ่ วังน้อย โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นโคโลเนียล
Starbucks : สาขา บ้านใหญ่ วังน้อย
Architect : quatrearchitect
Photo : Dsign Something
แม้จะมีจำนวนสาขามากกว่า 6,000 แห่งทั่วโลก ผู้นำธุรกิจด้านกาแฟที่ใช้สัญลักษณ์แบรนด์รูป “นางเงือกสีเขียว” นี้ ก็ยังคงเข้มงวดกับการรักษามาตรฐานรสชาติและการบริการไว้อย่างดีเยี่ยม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับความประทับใจกลับไปเต็มแก้วทุกครั้ง และยังคิดค้นเมนูเครื่องดื่มประจำเดือนเพิ่มความหลากหลาย จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของใช้ภายใต้แบรนด์ ไปจนถึงการออกแบบร้านด้วยแนวความคิดที่แตกต่างกันไปในแต่ละสาขา ที่เราเริ่มสังเกตเห็นว่า ร้านกาแฟสตาร์บัคสาขาใหม่ๆ มักจะมีลูกเล่นให้แปลกใจอยู่เสมอ
สาขาที่ 2 ในอำเภอวังน้อย
สตาร์บัคสาขาบ้านใหญ่ วังน้อย ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนพหลโยธินกม.ที่ 66 ฝั่งขาเข้า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสตาร์บัคสาขานิคมมินิแฟคตอรี่ ฟาสท์แฟค วังน้อย ที่มีความพิเศษไม่แพ้กันด้วยโครงสร้างอิฐแดงซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมโบราณของจังหวัดอยุธยา นำมาก่อเรียงกันเป็นทรงกระบอกสูงใหญ่ มองเห็นได้ง่ายขณะขับรถผ่าน ความโดดเด่นสะดุดตาจากสาขาข้างเคียงนี่เองที่ทำให้สาขาบ้านใหญ่ วังน้อย อยากจะฉีกภาพลักษณ์แบบเดิมออกไปเพื่อสร้างความแตกต่าง
สถาปัตยกรรมอาณานิคม
การจะสร้างแฟรนไชส์ร้านกาแฟสตาร์บัค จำเป็นต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการออกแบบให้ได้มาตรฐาน ตำแหน่ง ขนาดห้อง เคาเตอร์ ระบบเซอร์วิสหลังบ้าน ระบบบริการ drive – thru ให้รถหมุนเวียนได้สะดวก สตาร์บัคสาขานี้มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตารางเมตร ที่ได้ทีมออกแบบจาก Quatre Architect มารับหน้าที่ออกแบบ สถาปนิกจึงเริ่มค้นคว้าหาข้อมูลโดยเริ่มจากความสัมพันธ์ ที่เกี่ยวโยงกับความเป็นเมืองอยุธยา
พระราชวังบางปะอิน อาคารเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในตัวจังหวัดอยุธยา สิ่งปลูกสร้างที่ผสมผสานสไตล์การก่อสร้างเอาไว้หลายรูปแบบ หรือเรียกว่า สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกยุคล่าอาณานิคมสมัย รัชกาลที่ 5 (Colonial Style) เป็นรูปแบบเริ่มต้น ที่สถาปนิกนำมาพัฒนาต่อยอดให้ทันสมัยมากขึ้น โดยการสอดแทรกองค์ประกอบจากสถาปัตยกรรมตะวันตกยุคเก่า ลงในอาคารสมัยใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน กลายเป็นสถาปัตยกรรมแบบ Modern Colonial Style นั่นเอง
คอร์ทยาร์ดต้นไม้ส่วนตัว
โครงสร้างหลักของอาคารใช้ระบบเสาคานแบบคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป จัดวางแผนผังเป็นรูปทรงลูกบาศก์ 2 ลูกวางเหลื่อมกันอยู่เล็กน้อย มีทางเดินเชื่อมพื้นที่ระหว่างกลางเข้าถึงกันได้ เหตุผลที่ขยับให้ก้อนอาคารเยื้องออกจากแนวเส้นตรงตามปกติ ก็เพื่อสร้างมุมมองที่เห็นสวนปิดล้อม เกิดวิวในมุมส่วนตัวสำหรับคนที่มานั่งพักในจุดนั้นๆ เมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะเห็นต้นไม้น้อยใหญ่อยู่ทุกทิศทาง เป็นเหมือนระเบียงสีเขียวห้อมล้อมอาคารทั้งสองหลังเอาไว้
แต่ละมุมที่เลือกนั่งจะได้สัมผัสบรรยากาศและมองเห็นวิวภายนอกที่แตกต่าง สร้างความรุ้สึกประหลาดใจได้ในพื้นที่อาคารเดิม
พื้นที่ภายในอาคารทั้งคู่เป็นแบบ Double Space สูง 2 ชั้น (รวมประมาณ 7 เมตร) ในขนาดสัดส่วนความสูงที่พอเหมาะ ไม่สูงชะลูดจนเคว้างคว้าง แต่สูงพอที่จะสังเกตเห็นได้จากเส้นถนน อาคารลูกบาศก์ก้อนแรกที่มีประตูทางเข้าหลักจะเน้นความสูงโปร่ง กว้างขวาง เป็นโถงสูงยาวขึ้นไปถึงเพดานชั้นสอง ด้านบนมีระเบียงทางเดินขนาดเล็กโดยรอบ ตารางฝ้าเพดานเล่นระดับย่อมุม และองค์ประกอบส่วนต่างๆ ของอาคารที่นำลักษณะอาคารแบบ Colonial Style มาประยุกต์ใช้
เปิดโล่งสูง 2 ชั้น แบบ double space และการใช้หน้าต่างบานเกร็ด เป็นช่องทางนำแสงสว่างเข้ามาในอาคาร
บานประตู เหลี่ยมมุมเสา ฝ้าเล่นระดับ ราวระเบียงภายใน ชิ้นส่วนอาคารเล็กๆน้อยๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมตะวันตก
ระหว่างทางเดินเชื่อมเองก็มีคอร์ทยาร์ดสีเขียวให้ชมขณะเดินผ่าน หรือจะเลือกนั่งในมุมเล็กๆ ส่วนตัวของตัวเองก็ได้
ส่วนไฮไลท์สำหรับการถ่ายภาพเช็คอิน น่าจะอยู่ที่อาคารหลังที่ 2 เพราะเมื่อเดินผ่านทางเชื่อมมาไม่กี่ก้าวก็จะเจอบันไดรูปตัวที (T) ขนาดใหญ่โอ่อ่า แยกเส้นทางซ้ายขวาขึ้นไปสู่ที่นั่งชั้นสอง ให้เลือกได้ว่าจะนั่งในร้านหรือออกไประเบียงกึ่งภายนอก แถมประโยชน์จากเส้นตารางฝ้าและความลาดเอียงเล็กน้อยนั้น ยังเป็นจุดนำสายตาให้หันมองไปทางด้านหน้า ผ่านโครงสร้างบันไดทรงสมมาตรและชานระเบียงที่นั่งพักภายนอก
คอร์ทยาร์ดต้นชุมแสงสูงใหญ่อายุนับร้อยปี ถูกจัดวางอย่างตั้งใจในตำแหน่งตรงข้ามบันไดรูปตัว T เอาไว้เป็นวิวพักผ่อนลับสำหรับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน
การหยอดพื้นที่สีเขียวเอาไว้ในแต่ละคอร์ทส่วนตัวของอาคาร เป็นความตั้งใจที่อยากจะซ่อนความรู้สึกตื่นเต้น อลังการ ในมุมที่มองเห็นได้จากภายในเท่านั้น
มุมมองจากที่นั่งบนชั้นสองที่ต้องการเน้นความโอ่อ่า สมมาตร นำสายตาออกไปทางด้านหน้า
ใช้ต้นไม้เป็นตัวแบ่งแยกพื้นที่ บดบังมุมมองเพื่อความเป็นส่วนตัวจากถนนด้านหน้า และไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งที่ด้านนอกหรือด้านในของร้านก็จะเห็นพื้นที่สีเขียวอยู่รอบ ๆ โครงการ
ถึงจะห่างไกลกว่า 100 กิโลเมตรจากสถานที่ท่องเที่ยวปลายทางอย่าง เขาใหญ่ แต่เจ้าของโครงการก็ตั้งใจอยากจะให้ สตาร์บัคสาขาบ้านใหญ่ วังน้อย เป็นโอเอซิสสีเขียวแห่งสุดท้ายระหว่างทางกลับบ้าน จึงเลือกตกแต่งร้านในบรรยากาศผ่อนคลาย รายล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ก็เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแวะพักเติมความสดชื่นครั้งสุดท้ายก่อนเดินทางกลับเข้าไปใช้ชีวิตแสนวุ่นวายในเมืองอีกครั้ง
ขอบคุณ
Architect : quatrearchitect